เรื่องของการปฏิบัติ หลายท่านก็วางกำลังใจผิดตั้งแต่ต้น ก็คือทำแล้วอยากได้นั่น อยากเห็นนี่ การที่เรา "อยาก" ทำให้กำลังใจไม่ทรงตัว เพราะตัวอยากเป็นความฟุ้งซ่าน ในเมื่อจิตยังฟุ้งซ่านก็เข้าถึงฌานไม่ได้เสียที
หลายท่านก็อยู่ในลักษณะของบุคคลที่แสวงหาครูบาอาจารย์ไปเรื่อย ๆ ขอบอกว่าถ้ายังหาไปเรื่อย ก็ไม่ได้อะไรสักทีเหมือนกัน เพราะครูบาอาจารย์แต่ละท่านเหมือนกับเจ้าของกิจการ จะเป็นกิจการใหญ่เล็กอย่างไรก็ตาม อย่างค่ายโทรศัพท์ของเอไอเอส หรือว่าจะเป็นซีพี จะเป็นซีเมนต์ไทย การบินไทย กิจการของคนอื่นทั้งสิ้น เราไปก็คือไปชมสมบัติเศรษฐี ถึงเวลาท่านก็บอกเราว่าทำอย่างไรถึงจะรวย แต่เราไม่ได้ทำเสียที มัวแต่ไปขอดูของคนอื่นไปเรื่อย ๆ ในเมื่อเราชมเศรษฐีไปเรื่อย ๆ เราก็ไม่มีสมบัติเป็นของตัวเองเสียที
อีกอย่างหนึ่งก็คือเรื่องของการทดลอง ทดสอบครูบาอาจารย์ ขอบอกว่านอกจากไม่มีประโยชน์แล้ว ยังกลายเป็นการปรามาสพระรัตนตรัยด้วย บางท่านก็อธิษฐานอย่างนั้นมา อธิษฐานอย่างนี้มา ไปที่อื่นเขาอาจจะสงเคราะห์ให้ตามที่เราอธิษฐาน แต่ไม่ใช่ตรงนี้ เพราะอาตมาเลิกสนใจคำอธิษฐานของคนอื่นมาหลายปีแล้ว ป่วยการเปล่าที่จะไปดูความในใจคนอื่นเขา
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็ดูใจของเราเอง ดูว่าใจของเรามีความชั่วอยู่หรือไม่ ? ถ้ามีก็ขับไล่มันออกไป แล้วระมัดระวังไว้อย่าให้มันเข้ามา ดูว่าใจของเรามีความดีอยู่หรือไม่ ? ถ้ายังไม่มีพยายามสร้างให้มีความดีขึ้นมาให้ได้ เมื่อมีความดีอยู่ในใจแล้วก็พยายามประคับประคองรักษาให้อยู่กับเราให้นานที่สุด ดังนั้น..ลักษณะการดูใจคนอื่นจึงมีประโยชน์น้อย สู้ดูใจของตัวเองไม่ได้
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-01-2014 เมื่อ 15:54
|