พระอาจารย์เล่าว่า "คนเราถึงวาระที่กรรมจะมาสนอง อย่างไรเขาก็ทำให้เราโดนจนได้ อาตมาอยู่วัดจะระมัดระวังมาก พอถึงเวลาต้องพัก ไม่ยอมให้ใครกวนเลย ประเภทคนสำคัญยิ่งใหญ่มาจากไหนมาขอพบ ไม่เคยได้พบหรอก บางรายก็บอกเป็นญาติมา แต่สั่งพระสั่งโยมเอาไว้ว่า อาตมาเป็นคนไม่มีญาติ
วันก่อนก็มีรายหนึ่ง มากัน ๔ - ๕ คน บอกว่ารู้จักกันมาตั้งแต่ก่อนบวช รู้จักกันที่วัดท่าซุง บอกเลยว่าประเภทนี้ไล่ไปไกล ๆ เลย ๓๐ ปีกว่าแล้วไม่เคยมา รู้จักตั้งแต่ก่อนบวช ๓๐ ปีให้หลังค่อยคิดถึง น่าให้พบไหมเล่า ? ไปนึกถึงสมัยหลวงพ่อวัดท่าซุงเหมือนกัน มาถึงก็ยื่นบัตรประชาชน มาจากพัทลุง นามสกุลสังข์สุวรรณ บอกว่าเป็นญาติของหลวงพ่อ อาตมาก็เสี่ยงกับการหัวขาด โทรศัพท์เข้าไปถามเดี๋ยวนั้นเลย ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าไม่สมควร
“หลวงพ่อครับ มีโยมมาจากพัทลุง นามสกุลสังข์สุวรรณ บอกเป็นญาติของหลวงพ่อ” ท่านบอกว่า “กูไม่รู้จัก ญาติมีเฉพาะที่ตำบลสาลี พี่น้อง ๙ คนของแม่ เขาสร้างบ้านติด ๆ กัน จนกระทั่งตำบลนั้นทั้งตำบลแทบจะนามสกุลสังข์สุวรรณหมด ถ้ามาจากที่อื่นไม่รู้จัก” พอท่านออกมาพักตอนฉันเพล ก็เข้าไปกราบเรียนซ้ำอีกทีหนึ่ง ท่านบอกว่าให้ไปรอตอนเวลารับแขก ท่านบอกว่า “พวกนี้ข้าไม่ถือว่าเป็นญาติหรอก ตอนข้าตกระกำลำบาก ข้าวแทบจะไม่มีกิน ไม่เห็นจะโผล่หัวมา พอตอนนี้ข้าดังแล้วเสือกมา”
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-01-2014 เมื่อ 16:16
|