"ขณะเดียวกัน..พรรคที่ครองอำนาจอยู่ ก็เรียนรู้ที่จะอยู่กับบุคคลอื่นอย่างมีคุณภาพ ก็คือให้เกียรติฝ่ายค้าน ไม่เห็นว่าเสียงส่วนน้อยเป็นเรื่องไร้สาระ พยายามให้ความสำคัญ ประเทศชาติของเขาถึงเป็นอารยประเทศ ประเทศที่เจริญแล้ว แต่บ้านเราไม่มีตรงจุดนี้ ประเทศอังกฤษต้นแบบประชาธิปไตย แม้กระทั่งรัฐธรรมนูญยังไม่มี แต่ทุกคนรู้ว่าตัวเองต้องทำหน้าที่อย่างไร เป็นสิ่งที่จารึกอยู่ในใจของชาวบ้านทุกคน ว่าตนเองต้องทำอย่างไร กลายเป็นว่า คุณธรรม ศีลธรรม จริยธรรม อยู่ในจิตในใจของแต่ละคนเอง
บางทีเราอาจจะแยกแยะไม่ออกว่า ๓ ตัวนี้ต่างกันอย่างไร ศีลธรรมจะเป็นตัวเริ่มต้น ศีลคือข้อห้าม ธรรมคือข้อควรปฏิบัติ ในเมื่อพยายามที่จะละเว้นในสิ่งที่ไม่ดี ทำในสิ่งที่ดี สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ เมื่อทำไป ๆ กลายเป็นความดีเฉพาะตัว เรียกว่าคุณธรรม เมื่อกลายเป็นความดีประจำตัว กาย วาจา ใจ ของเขาที่แสดงออก ก็จะอยู่ในกรอบของศีลของธรรม จึงกลายเป็นจริยธรรม คือความดีที่เป็นแบบอย่างให้คนอื่นเขาเลียนแบบ หรือปฏิบัติตามได้ ดังนั้น..ทุกอย่างต้องเริ่มต้นที่ศีลธรรม เมื่อศีลธรรมทรงตัวเป็นคุณธรรมประจำใจ การปฏิบัติของตนเองก็จะกลายเป็นจริยธรรม คือแบบอย่างให้คนอื่นทำ
คนอังกฤษไม่มีรัฐธรรมนูญ แต่รู้ว่าต้องทำอย่างไร ถึงจะถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ไหม ? พรรคฝ่ายค้านกับพรรครัฐบาลทำงานร่วมกัน เมื่อมีรัฐบาลก็มีรัฐบาลเงา มีนายกรัฐมนตรี ก็มีนายกรัฐมนตรีเงา มีรัฐมนตรีก็มีรัฐมนตรีเงา ทั้งสองฝ่ายทำงานร่วมกัน ถึงเวลาประชุมร่วมกัน พรรคฝ่ายค้านมีแนวคิดที่ดี รัฐบาลก็รับไปทำ แต่ให้เครดิตว่าเป็นความคิดของพรรคฝ่ายค้าน ถ้ารัฐบาลมีอันเป็นไป ฝ่ายค้านสามารถเป็นรัฐบาลได้โดยไม่มีอะไรสะดุดเลย เพราะว่าเรียนรู้ระบอบที่รัฐบาลทำอยู่เป็นปกติอยู่แล้ว นั่นแหละ..ถึงจะเป็นต้นแบบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง บ้านเราเกือบจะก้าวถึงแล้ว"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-02-2014 เมื่อ 02:37
|