ดูแบบคำตอบเดียว
  #1  
เก่า 18-02-2014, 18:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,696
ได้ให้อนุโมทนา: 152,041
ได้รับอนุโมทนา 4,418,099 ครั้ง ใน 34,286 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันศุกร์ที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๗

ให้ทุกคนนั่งในท่าที่สบายของตัวเอง ตั้งกายให้ตรง กำหนดความรู้สึกทั้งหมดไว้ที่ลมหายใจของเรา หายใจเข้าออกยาว ๆ สัก ๒ - ๓ ครั้ง เพื่อไล่ลมหยาบออกให้หมดก่อน หลังจากนั้นก็ปล่อยลมหายใจให้เป็นไปตามปกติ หายใจเข้า..เอาความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..เอาความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ตามที่เรามีความถนัดมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๓๑ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ ตรงกับวันตรุษจีน ก็คือวันนี้ตรงกับวันขึ้น ๑ ค่ำเดือนอ้ายของจีน แต่ว่าเป็นวันขึ้น ๑ ค่ำเดือน ๓ ของไทย คือเดือนของจีนจะเดินช้ากว่าเดือนไทยอยู่ ๒ เดือน แต่ขณะเดียวกัน เรื่องของขึ้นแรมคนจีนนับ ๑ ค่ำ ถึง ๓๐ หรือ ๒๙ ส่วนคนไทยของเรามีขึ้น ๑๕ ค่ำ มีแรม ๑๔ หรือ ๑๕ ค่ำ แต่ว่าท้ายสุดก็จะต้องไปปัดเศษกลายเป็นเดือนเกิน ซึ่งของไทยจะมีเดือน ๘ อยู่ ๒ หน แต่ของจีนจะมีเดือน ๓ อยู่ ๒ หน ก็ถือว่าเป็นหลักเกณฑ์ในการคิดคำนวณทางจันทรคติที่คล้ายคลึงกัน

ในวันตรุษจีนโดยการนิยมแล้วจะไม่พูดคำหยาบ จะไม่พูดในสิ่งที่ไม่เป็นมงคล จะสวมใส่เสื้อผ้าสีแดงเพื่อความเป็นมงคล เป็นต้น ซึ่งเรื่องทั้งหลายเหล่านี้จะว่าไปแล้ว ถ้าปีหนึ่งทำครั้งเดียวประโยชน์ก็จะน้อยเกินไป ถ้าเราสามารถควบคุมวาจาของเราได้ ไม่ให้พูดคำหยาบ ไม่ให้พูดส่อเสียด ไม่ให้พูดปด ไม่ให้พูดวาจาเพ้อเจ้อ ได้ตลอดทั้งปี จึงจะเป็นมงคลใหญ่ที่แท้จริง

ส่วนการสวมใส่เสื้อผ้าใหม่หรือเสื้อผ้าสีแดงนั้น ถือว่าเป็นแค่มงคลภายนอก ถ้าจะเอามงคลภายในจริง ๆ ก็ต้องประพฤติปฏิบัติในเรื่องของศีล สมาธิ ปัญญานั่นเอง ในส่วนของศีลนั้น เราต้องควบคุมในศีลของเราเอง ไม่ว่าจะเป็นศีล ๕ หรือศีล ๘ ก็ตาม ให้อยู่ในลักษณะที่บริสุทธิ์บริบูรณ์ ไม่ล่วงละเมิดศีลด้วยตนเอง ไม่ยุยงส่งเสริมผู้อื่นให้ละเมิดศีล และไม่ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นละเมิดศีล

ถ้าเราสามารถที่จะระมัดระวังได้ดังนี้ อำนาจของศีลก็จะก่อให้เกิดสมาธิ ถ้าเป็นสมาธิในเบื้องต้น เราก็สามารถตัดกิเลส เป็นพระโสดาบันกับพระสกทาคามีได้ ถ้าจะเอาจริง ๆ แน่นอนก็เป็นพระโสดาบัน เพราะว่ากำลังของพระสกทาคามีนั้น ถ้าไม่ได้มีความคล่องตัวในเรื่องของฌานจริง ๆ แล้ว บางทีปฐมฌานจะเอาไม่อยู่เหมือนกัน

เมื่อศีลก่อให้เกิดสมาธิ สมาธิก่อให้เกิดปัญญา เราก็ใช้ปัญญามาพิจารณาสภาพร่างกายของเรา ในเบื้องต้นก็คือจะต้องตายแน่นอน ถ้าเราเห็นเพิ่มเติมไปว่า ร่างกายนี้มีแต่ความสกปรกโสโครกเป็นปกติ ต้องคอยดูแลรักษา ขัดสี อบรม อยู่ตลอดเวลา ร่างกายของเราก็สกปรกเช่นนี้ ร่างกายคนอื่นก็สกปรกเช่นนี้ ร่างกายของสัตว์อื่นก็สกปรกเช่นนี้ ก็จะเกิดความเบื่อหน่าย ไม่มีความต้องการในร่างกายนี้ขึ้นมา อำนาจของศีล สมาธิ ก็จะส่งผลให้เราเกิดปัญญาในเบื้องกลาง สามารถตัดกิเลสเป็นพระอนาคามีได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-02-2014 เมื่อ 03:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 60 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา