ดูแบบคำตอบเดียว
  #96  
เก่า 06-05-2014, 11:27
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,889 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๔. ความเป็นพระอรหันต์ ท่านมีสติ - สัมปชัญญะสมบูรณ์ คือไม่เผลอในขันธ์ ๕ ว่าเป็นเรา เป็นของเรา ดังนั้น..การขาดสติไปมีอารมณ์ราคะ - โทสะ - โมหะ จึงไม่มีแล้วในท่าน เพราะตัดสังโยชน์ ๑๐ ประการขาดหมดแล้ว กิเลสเหล่านั้นก็กำเริบไม่ได้อีก การรู้สภาวะธาตุ ๔ ไม่เที่ยง ธาตุที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือ ธาตุลม ลมเป็นอาหารของผู้มีร่างกายหรือผัสสาหาร

ดังนั้น การกำหนดรู้อานาปานุสติ จึงทำให้เห็นความเกิด - ดับได้ชัดมาก เห็นสันตติของร่างกายได้ชัดด้วยปัญญา ขาดลมเข้าหรือลมออกก็ตาย และการรู้ลมทำให้จิตสงบ เป็นสุข จิตเข้าถึงฌานสมาบัติได้โดยง่าย ส่วนการกำหนดภาพกสิณกองใดกองหนึ่งก็ดี การกำหนดคำภาวนาประการใดประการหนึ่งก็ดี เป็นเพียงนิมิตหรืออุบายโยงจิต ทำจิตให้เป็นสมาธิ หรือตั้งใจมั่นอยู่ในภาพหรือคำภาวนานั้น ๆ แต่ตัวจริง ๆ ที่ทำงานอยู่คือลมหายใจเข้า - ออก ดังนั้น..การทำภาพกสิณหรือคำภาวนา ก็สามารถทำจิตให้เข้าถึงฌานสมาบัติ และสามารถทำให้จิตสงบขึ้นได้ตามลำดับของฌานที่ได้นั้น ๆ เรื่องนี้ให้จำไว้

พระอรหันต์หรือพระอริยสาวกจักทำจิตให้ไม่ว่างจากฌาน พระตถาคตเจ้าหรือพระอรหันต์สาวกเจริญฌานเพื่อความอยู่เป็นสุขของจิต เพื่อระงับกายสังขาร เพื่อระงับทุกขเวทนาจาก รูป-เวทนา-สัญญา-สังขาร-วิญญาณ ถูกเพิกด้วยฌานในขณะที่ท่านต้องการ การเข้ารูปฌานและอรูปฌานจึงเป็นเพียงสักแต่ว่าเป็นสภาวธรรม ที่เกิดแล้วดับเป็นธรรมดาเท่านั้นเอง แต่จิตจักไปยึดมั่นถือมั่นในฌานสมาบัติ ติดสุขอยู่ในฌานอยู่ร่ำไปนั้นไม่มี (ท่านมีสติ-สัมปชัญญะสมบูรณ์ จึงไม่มีเผลอ ที่จักไปยึดสภาวะที่ไม่เที่ยง อันเป็นเหตุให้เกิดทุกข์ได้มาเป็นของท่านอีก) แต่จำเป็นต้องรู้ต้องศึกษา เพราะทิ้งอานาปาฯ ก็เท่ากับทิ้งฐานความมั่นคงของจิต ไม่รู้จักความสงบของจิต เรื่องนี้จึงจำเป็นต้องศึกษาและปฏิบัติตลอดชีวิต

ทำจริง ๆ ไม่ยากหรอก ขอจงอย่าเครียด ทำเล่น ๆ รู้ลมบ้าง รู้คำภาวนาบ้าง รู้ภาพกสิณบ้าง พิจารณาบ้าง สลับกันไปให้จิตพอสบาย ๆ ไม่นานก็เข้าถึงฌานสมาบัติได้เอง เวลาปฏิบัติไม่จำเป็นจักต้องรู้ลม แล้วต้องรู้คำภาวนา รู้ภาพกสิณ รู้สีไปในทีเดียวกัน ทำอย่างนั้นจักหนักเกินไป ให้รู้อย่างใดอย่างหนึ่งพอสบาย ๆ จิตก็เข้าถึงฌานได้ อย่างที่กล่าวมา รู้ภาพกสิณอย่างเดียว อานาปาฯ ก็ควบอยู่ในตัว รู้คำภาวนาอย่างเดียว อานาปาฯ ก็ควบอยู่ในตัว ทำไปเพลิน ๆ จิตก็เข้าถึงฌานสมาบัติได้ จิตจักมีความสงบ มีความสุข หรือแม้แต่พิจารณาอยู่ นั่นสมถะก็ควบคุมอยู่ในจิต มีสมาธิ ไม่ฟุ้งไปในอารมณ์อื่น พอจิตเป็นสุข จิตหยุดพิจารณาตรงนั้น จิตเข้าถึงฌานสมาบัติ ถ้าไม่ลืมตรงนั้น ถ้าหากรู้ลมต่อ หรือกำหนดคำภาวนา หรือภาพกสิณอย่างใดอย่างหนึ่ง จิตจักสงบเป็นสุขมาก และเข้าถึงฌานสมาบัติได้โดยง่าย

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-05-2014 เมื่อ 16:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา