ดูแบบคำตอบเดียว
  #1  
เก่า 25-06-2014, 08:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,418,960 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันศุกร์ที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๕๗

ให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติไว้เฉพาะหน้า เอาความรู้สึกทั้งหมดของเราผูกไว้กับลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ที่เรามีความถนัดมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๖ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๗ วันนี้มีญาติโยมหลายท่าน ถามถึงเรื่องของการทรงฌานแต่ละขั้น ว่าในเมื่อฌาน ๑, ๒, ๓ ยังมีสุขอยู่เหมือนกันทั้งหมด แล้วจะแยกแยะได้อย่างไรว่าเป็นฌานไหน ? ซึ่งความจริงถ้าตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติ ก็จะได้คำตอบเอง แต่นี่มาถามเสียก่อน

ดังนั้น..วันนี้จึงขอกล่าวถึงการทรงฌานของพวกเรา เมื่อตามดูตามรู้ลมหายใจเข้าออกไปสักระยะหนึ่ง เราก็จะเกิดอาการที่รู้ลมเองโดยอัตโนมัติ ในลำดับแรกคิดจะภาวนาอย่างไร ตามดูตามรู้ว่าจะภาวนาอย่างไร เกิดอาการปีติต่าง ๆ ๕ อย่างขึ้น เช่น ขนลุก น้ำตาไหล ร่างกายโยกโคลง ลอยขึ้นทั้งตัว หรือว่าตัวพองตัวใหญ่ ตัวแตกระเบิด เป็นต้น แล้วปรากฏความสุขเยือกเย็นอย่างไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต พร้อม ๆ กับอารมณ์ใจที่ปักมั่นอยู่กับการภาวนา ไม่คลอนแคลนไปไหน

ถ้าอารมณ์นี้เกิดขึ้นครบถ้วนสมบูรณ์ แปลว่าเราอยู่ในส่วนของปฐมฌาน คือฌานที่ ๑ ถ้าเราไม่ไปสนใจมาก หรือว่าไม่ไปบังคับลมหายใจ คอยตามดูตามรู้ลมหายใจอย่างเดียวไป อาการที่คิดว่าเราจะภาวนา หรืออาการที่ตามดูลมหายใจเข้าออกพร้อมกับคำภาวนา ก็จะค่อย ๆ หมดไปเอง ถ้าเป็นดังนี้ ก็แปลว่าเราก้าวเข้าสู่ฌานที่ ๒ คือทุติยฌาน

ก็ต่างกันที่ว่า ฌานที่ ๑ อาการทั้ง ๕ อย่างมีครบถ้วนสมบูรณ์ ฌานที่ ๒ จะก้าวข้ามความคิดความนึกว่า เราจะตั้งใจภาวนา ว่าจะภาวนาอย่างโน้นอย่างนี้

บางคนรู้สึกว่าลมหายใจเบาลง หรือไม่มีไปเลย ถ้าความรู้สึกของเราก้าวข้ามปีติหรือสุขไปด้วย ก็แปลว่าเราก้าวเข้าถึงฌานที่ ๓ คือตติยฌาน แต่การที่เราก้าวเข้าไปแต่ละลำดับนั้น ไม่ใช่เราไปบังคับให้เป็น หากแต่เรามีหน้าที่ภาวนา ส่วนจะเป็นหรือไม่เป็นนั้น อย่าไปใส่ใจ หลาย ๆ ท่านติดอยู่ ไม่สามารถจะก้าวขึ้นสู่อัปปนาสมาธิ คือทรงฌานได้เสียที เพราะว่าเมื่อรู้ขั้นตอนแล้วก็ไปตามดูตามจี้อยู่ตลอด ถ้าลักษณะนั้นจิตของเราจะฟุ้งซ่าน ไม่สามารถรวมตัวเป็นหนึ่งเดียวได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-06-2014 เมื่อ 10:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 56 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา