พระอาจารย์กล่าวว่า “คนจีนสมัยก่อนมาเมืองไทยแบบเสื่อผืนหมอนใบ บางคนเสื่อยังไม่มีเลย เพราะว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ต้องรวมเป็นค่าเรือค่าอาหารให้กับไต้ก๋ง ไม่มีสตางค์พอจะซื้อเสื่อซื้อหมอนก็นอนดาดฟ้าเรือไป บางรายต้องเอาเชือกผูกตัวเองติดกับราวไว้ กลัวคลื่นตีตกน้ำ ถ้ามาผิดจังหวะเจอคลื่นลมแรงบางทีก็เรือล่มทั้งลำ
คนรุ่นนั้นมาถึงอันดับแรกก็ต้องหางานให้ได้ก่อน ส่วนใหญ่จะกินอยู่กับกงสี คำว่ากงสีถ้าเปรียบกับของเราก็คือบริษัท คราวนี้พอมีที่กินที่อยู่ก็ประหยัดกินประหยัดใช้ จะทำงานด้วยความขยันขันแข็งและซื่อสัตย์มาก แล้วคนจีนมีส่วนที่คนอื่นไม่ค่อยมีคือความกตัญญู ใครช่วยเหลือตัวเองไว้จะจดจำแล้วก็คอยทดแทน
หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า คนจีนไปอยู่ที่ไหนก็เจริญเพราะมีความกตัญญู ความกตัญญูแม้แต่พระพุทธเจ้าก็สรรเสริญว่า นิมิตตัง สาธุ รูปานัง กตัญญูกตเวทิตา ความกตัญญูเป็นเครื่องหมายของคนดี ท่านบอกว่าคนจีนไปอยู่ที่ไหนก็ลำบากไม่นาน เดี๋ยวก็ตั้งหลักได้ ถ้าดูอย่างบ้านเราก็รุ่นแรก ๆ ที่มา เดี๋ยวก็เป็นเถ้าแก่ เดี๋ยวก็เป็นเจ้าสัวกันหมดแล้ว คำว่าเจ้าสัวมาจากคำแต้จิ๋วว่า "จ่อซัว" คือ ฐานะมั่นคงเหมือนภูเขา แต่คนไทยเรียกเพี้ยนเป็นเจ้าสัว
คราวนี้พอรุ่นตัวเองประหยัดกินประหยัดใช้มา ก็เลยเข้มงวดกับลูก มีอยู่ครอบครัวหนึ่งดังมากเลย ถ้าเอ่ยชื่อตอนนี้ก็อ๋อทันที ลูกใช้เงินเป็นเบี้ยพ่อก็ดุเอา ลูกเขาก็บอกว่า “พ่อเป็นลูกคนจน พ่อต้องประหยัด แต่ผมเป็นลูกคนรวย พ่อเป็นเจ้าสัว ผมมีสิทธิ์ใช้” คนจีนเขาถึงมีคำคมหรือภาษิตอยู่ว่า "รุ่งเรืองขนาดไหนไปไม่เกิน ๓ รุ่น"
ถ้าหากว่ารุ่นปู่เจริญรุ่งเรืองขึ้นมาด้วยความสามารถ รุ่นพ่อไม่ลำบากเท่า อย่างเก่งก็ประคับประคองเอาไว้ มารุ่นลูกยิ่งสบายเข้าไปใหญ่ก็ทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ เลย ถ้าไม่ใช่บุญกุศลดีจริง ๆ ก็มักจะมาล่มสลายเอารุ่นลูกรุ่นหลานนี่แหละ เพราะว่าไม่เคยลำบาก รุ่นที่เคยลำบากมานี่เขาลำบากชนิดที่ต้องกินข้าวต้มกับก้อนกรวดคั่วน้ำเกลือ"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-07-2014 เมื่อ 13:17
|