ดูแบบคำตอบเดียว
  #1  
เก่า 16-08-2014, 13:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,667
ได้ให้อนุโมทนา: 152,012
ได้รับอนุโมทนา 4,416,491 ครั้ง ใน 34,257 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันศุกร์ที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๗

ให้ทุกคนขยับนั่งในท่าที่สบายของตัวเอง ตั้งกายให้ตรง กำหนดความรู้สึกทั้งหมดไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ ที่เรามีความถนัดมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๑ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ วันนี้อยากจะพูดถึงเรื่องของการปฏิบัติของเราว่า ที่ทำ ๆ กันมานั้น เราควรจะนำไปใช้งานได้ในสถานการณ์จริง ก็แปลว่าถ้า รัก โลภ โกรธ หลง เกิดขึ้นในระหว่างวัน เราต้องสามารถระงับยับยั้งได้ทันท่วงที อย่าปล่อยให้สิ่งทั้งหลายเหล่านี้มีอำนาจเหนือกว่าเรา เพราะถ้า รัก โลภ โกรธ หลง มีอำนาจเหนือกว่าเราเมื่อไร ก็จะมายึด มาแทรก มาสิง ในจิตในใจของเรา ทำให้จิตใจของเราเศร้าหมอง ขุ่นมัว เต็มไปด้วยความเร่าร้อน กระวนกระวาย มีแต่ความทุกข์อยู่ตลอดเวลา

การที่เราจะสามารถนำเอาหลักการปฏิบัติไปใช้งานจริงได้ ก็ต้องเป็นผู้มีสติ อยู่กับอารมณ์เฉพาะหน้า การที่จะมีสติอยู่กับอารมณ์เฉพาะหน้าได้ก็คือ เราต้องอยู่กับลมหายใจเข้าออกของเรา การที่เราจะรักษาลมหายใจเข้าออกของเราเอาไว้ให้ได้ตลอดทั้งวันนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องทรงอารมณ์ภาวนาให้ได้ อย่างน้อยปฐมฌานละเอียดขึ้นไป ซึ่งไม่ถือว่าเป็นเรื่องที่เหลือบ่ากว่าแรง

เมื่อเราทรงปฐมฌานละเอียดได้ สภาพร่างกายของเราจะรู้ลมหายใจเองโดยอัตโนมัติ เราแค่เอาสติสัมปชัญญะคอยควบคุมการรู้ลมอัตโนมัติของร่างกายเอาไว้ ก็แปลว่าเราอยู่ในปฐมฌานละเอียดแล้ว การที่เราทรงปฐมฌานละเอียดได้ ตราบใดที่ยังไม่หลุดออกไป ตราบนั้น รัก โลภ โกรธ หลง จะเกิดไม่ได้ แม้แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ตรัสไว้ว่า การที่เราสามารถทรงฌานที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ ได้ มารจะมองไม่เห็น

คำว่า "มารจะมองไม่เห็น" ก็เพราะว่า สภาพจิตของเราผ่องใส จน รัก โลภ โกรธ หลง ซึ่งเป็นเสนามารเกาะไม่ติด ไม่สามารถที่จะเกิดขึ้นได้ ไม่มีสาเหตุที่จะชักจูงมารเข้ามาอยู่ในใจของเรา จึงกล่าวได้ว่ามารนั้นมองไม่เห็น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-08-2014 เมื่อ 02:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 54 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา