ดูแบบคำตอบเดียว
  #93  
เก่า 20-10-2014, 20:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,681
ได้ให้อนุโมทนา: 151,934
ได้รับอนุโมทนา 4,417,230 ครั้ง ใน 34,271 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พอพรรษาที่ ๘ อาตมาจัดงานศพถวายหลวงพ่อวัดท่าซุงเสร็จ ก็ออกจากวัดไปจำพรรษาที่ทองผาภูมิ พรรษาที่ ๙ ท่านน้อยก็สึก ชวนมาอยู่ด้วยกันท่านก็ไม่อยู่ ตอนนั้นก็มีพี่ ๆ หลายคน หลวงพี่อาจินต์ก็มาดูวัด ท่านบอกว่าไกลไป หลวงพี่วิรัชมาดูแล้ว ท่านบอกว่าผมกลัวมาลาเรีย หลวงพี่สามารถมาดูบอกว่า “เฮ้ย..เตรียมกุฏิไว้ให้ด้วยนะ” ปรากฏว่าหลวงพี่สามารถตัดสินใจสึกไปเสียก่อน ก็เลยกลายเป็นว่าอาตมาออกมานี่ต้องมาช่วยพระพี่พระน้องหลายราย พูดง่าย ๆ ว่าใครที่อดทนอยู่ไม่ได้ ออกจากวัดท่าซุงมา ก็ต้องรับไว้ก่อน

หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านต้องการพระบวชแก้บน ส่วนใหญ่ก็สึกไปภายใน ๗ วัน แล้วที่มีอยู่เหลือรอดไปอยู่กันเป็นเดือนก็มีท่านนิลพงษ์ ท่านบุญทรงพวกนั้น อยู่ไปอยู่มาก่อนเข้าพรรษาก็สึกกันเฉยเลย รุ่นปี ๒๕๒๑ ที่เสียดายมากที่สุดคือหลวงพี่ชัยศรีที่สึกไป เพราะว่าช่วงนั้นใคร ๆ ก็เห็นว่าสามารถแทนหลวงพ่อได้ ทำงานทำการอะไรเด็ดขาดเรียบร้อยทุกอย่าง

มีที่ทุลักทุเลหน่อยก็หลวงพี่สุรจิตร ท่านบวชมาจนหลวงพ่อวัดท่าซุงตั้งให้เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส ตรวจสอบหนังสือสุทธิแล้วปรากฏว่าท่านเป็นพระธรรมยุติ พอยื่นชื่อไปจังหวัดเขาไม่ยอมตั้งให้ ก็เลยต้องให้ท่านญัตติใหม่ โดยปกติญัตติใหม่นี่ต้องไปต่อท้าย แต่ว่าพวกเราด้วยความที่รักและเคารพท่านมาแต่ดั้งเดิม ถึงท่านญัตติใหม่ก็ให้ท่านนั่งที่เดิม เพราะว่าหลวงพี่สุรจิตรจริง ๆ แล้วท่านอยากบวชตั้งแต่แรก แต่ติดตรงที่ว่าท่านเรียนปริญญาตรีอยู่ ต้องรอจนเรียนจบอยู่ปีกว่าเกือบสองปี

พอจบแล้วด้วยความที่คิดอยากจะบวชแล้วไปอยู่กับหลวงพ่อวัดท่าซุง ก็เลยบวชใกล้บ้าน บวชที่วัดอาวุธฯ เลย ไม่ได้รู้ว่าเขาเป็นธรรมยุติมหานิกายอะไรหรอก ขอให้ได้บวชเถอะ ทุกวันนี้ท่านเป็นรองเจ้าอาวาสอยู่ หลวงพี่สุรจิตรนี่อาตมามั่นใจในความดีของท่าน เพราะว่าหลังจากออกมาจากวัดหลายพรรษาอยู่ น่าจะได้ ๕-๖ ปี ท่านมาผ่าตัดหัวใจที่โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ พอได้ข่าวอาตมาก็แวะไปเยี่ยมท่าน ท่านฟื้นขึ้นมากำลังพักผ่อนอยู่ มีพยาบาลดูแลอยู่คนหนึ่งแล้วก็โยมอีกคนหนึ่ง อาตมาก็เอาช่อดอกไม้ไปถวายท่าน แล้วกราบเรียนถามว่า...

“หลวงพี่ครับ.. ผมขอถามประโยคเดียว ตอนนี้อยู่ก็ได้ตายก็ดีใช่ไหมครับ ?” ท่านมองหน้านิ่งอยู่พักหนึ่ง แล้วบอกว่า "ใช่" ก็เลยกราบเรียนท่านว่า “แค่นี้แหละครับ ผมพอใจแล้ว” ก็กราบลาท่านแล้วกลับเลย กำลังใจของคน ถ้าปฏิบัติมา เราจะไม่รู้ว่าตัวเองทำแล้วได้เท่าไร จนกว่าจะถึงวันตายจริง ๆ พูดง่าย ๆ ว่า ต้องมีอะไรฉุกเฉินถึงแก่ชีวิตกันไปข้างหนึ่ง ชนิดที่เจียนอยู่เจียนไปนั่นแหละ ทำให้กำลังใจทั้งหมดมารวมกัน จึงรู้ว่าต้นทุนของตัวเองมีเท่าไร ดังนั้น..พระปฏิบัติท่านจึงไม่กลัวเรื่องตาย ไม่กลัวเรื่องเจ็บไข้ได้ป่วย ยิ่งหวาดเสียวมากเท่าไรก็ยิ่งรู้กำลังตัวเอง

คราวนี้อาตมาพอที่จะทราบว่ากำลังใจท่านเป็นอย่างไร ก็เลยถามประโยคเดียว ถามว่าตอนนี้อยู่ก็ได้ตายก็ดี ใช่ไหมครับ ? พอท่านยืนยันว่าใช่ ก็บอกว่าผมสบายใจแล้วครับ ไม่ห่วงพี่ละ ไปแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-10-2014 เมื่อ 02:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา