อ้างอิง:
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ลูกอิน
สวัสดีค่ะคุณหยก คือลูกอินก็มีกรรมเป็นคนอ้วนเหมือนกัน และเมื่อปฏิบัติธรรมไประลึกถึงหลวงพ่อจรัญ ก็เห็นกรรมตัวเองคือเคยไปใส่ยาพิษในอาหารให้คนเขาทานแล้วตาย เรากินอะไรก็เป็นพิษกับเรา แต่เมื่อเจ้ากรรมปล่อยเวรกรรมแล้ว ยังมีกรรมต่อเนื่องอีกคือเคยเกิดเป็นหมอทำแท้ง และเอาเขาไปทำลูกกรอก กุมารทอง ก็เลยเป็นอาการบวมทั้งตัว และเมื่อไปรักษาที่โรงพยาบาลพญาไท ๒ หมอบอกว่าเรามีแต่น้ำเยอะมาก หมอก็แนะนำให้ปรึกษานักโภชนาการนะค่ะ คุณหยก ลองทานอาหารแบบลูกอินไหมค่ะคือ
๑ หลีกเลี่ยงอาหารเค็มมี
|
คุณลูกอินยังเขียนไม่ครบใช่ไหมคะ? ขอบพระคุณมากค่ะ สำหรับคำแนะนำ
เรื่องอ้วน ๆ นี่ หยกปลงไปนานแล้วค่ะ
เมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคมที่ผ่านมา ไปวัดพระนอนจักรสีห์ เพื่อร่วมถวายทอง
สำหรับติดที่องค์พระนอน (เอ้า! ขาบุญทั้งหลาย.. เชิญโมทนากันค่ะ
)
กับคณะของท่านจิตโต
ในวันนั้น มีพี่ชายท่านหนึ่ง หยกได้ทักพี่เขาว่า
"ผอมลงนะนี่ ไปทำอะไรมา?"
พี่ชายท่านนั้นก็ตอบมาว่า
"ไม่สบาย"
หยกก็บ่น ๆ กับน้องว่า กลับบ้านไปเป็นไข้บ้างดีกว่า เผื่อจะผอม
(ฮ่า ๆ คิดได้อีก เรื่องแบบนี้
)
หลังจากนั้นสักพัก ก็ได้ยินท่านจิตโตถามว่า
"หิวไหม? หิวกันหรือยังล่ะ?" (นี่ท่านถามทุกคนที่ไปนั่งนะคะ ไม่ใช่ถามหยกโดยเฉพาะ)
"คุยกันอีกหน่อยนะ" ท่านพูดต่อ
"เดี๋ยวค่อยไปกินนะ กินให้อร่อย" (ก็ "อะ-หย่อย" นั่นแหละค่ะ
)
"กิน ๆ ไปเถอะนะ กินก็ตาย ไม่กินก็ตาย อ้วนก็ตาย ไม่อ้วนก็ตาย
สวยก็ตาย ไม่สวยก็ตาย หิวก็กินไปเถอะนะ"
คิดดูสิคะ แอบคุยท่านยังรู้อีก ว่าคุยแบบนี้ แถมยังย้ำด้วยว่า
กินไปเถอะ! ขันธ์ ๕ นี่ ไม่ต้องไปสนใจมันมากหรอก เดี๋ยวก็ตายแล้ว
ถึงอย่างไร ชาตินี้ก็เป็นชาติสุดท้ายของเราแล้ว ขันธ์ ๕ นี่ ไม่ต้องสน
เมื่อท่านยืนยันแบบนี้แล้ว หยกคงต้องปลงใจแล้วค่ะ ว่าช่างเถิด
เอาแค่มันไม่เป็นภาระในการมีชีวิตอยู่ของเรามากก็พอ
ถ้าใครไปบ้านสบายใจทุกเดือน คงจะเข้าใจหยกดี
หลังจากที่ท่านจิตโตเทศน์เรื่องอาหาเรฯ เมื่อคราวนั้น ท่านก็จะ
"อะ-หย่อย" ออกไมค์ทุกเดือน ๆ ที่เราไปกัน จนมีบางคนถึงกับ
ออกปากถามหยกว่า ทำเรื่อง "อาหาเรฯ" ไปถึงไหนแล้ว
ไม่อยากจะบอกว่า หยกก็ทำถึงตรง "อะ-หย่อย" อย่างไรเล่าคะ ๕๕
ก็ในเมื่อท่านบอกว่า ให้คิดเสมอว่า
กินก็ตาย ไม่กินก็ตาย
เราก็เอาแค่นั้น กิน ๆ ๆ เข้าไป ชาติสุดท้ายแล้ว กินไปเถิด..