ในส่วนนี้ พวกเรายิ่งทำไปใจต้องยิ่งละเอียดขึ้น ต้องยิ่งเห็นว่า กาย วาจา ใจ ของเรา ก่อทุกข์ก่อโทษให้เขาเท่าไร จะได้หยุดสร้างเหตุนั้นเสีย ถ้ากรรมใหม่ของเราไม่ได้สร้าง กรรมเก่าเราค่อย ๆ ชดใช้ไป เดี๋ยวก็หมดกรรม สามารถหลุดพ้นไปได้ แต่ถ้ากรรมเก่าก็ยังใช้ไม่หมด กรรมใหม่ก็สร้างเพิ่มไปเรื่อย ๆ แล้วอีกกี่ชาติกว่าจะมีปัญญาหลุดพ้นกับเขาบ้าง ?
บางท่านก็เมตตาเหลือเกิน พระเดินถนนอยู่ก็พระของกู หลวงพ่อของกู พระวัดกู เพราะฉะนั้น..คนอื่นว่ากันทีหลัง กูยืนกั้นถนนเลย ให้พระของกูไปก่อน เป็นการกระทำที่เมตตาเกินประมาณ แล้วก็สร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่นเขา อย่าได้ทำอย่างนั้นอีก
ทุกวันนี้พระวัดท่าขนุนก็ไม่ได้เป็นที่ชอบพอของญาติโยมนัก เพราะว่าไม่ยอมตามใจโยม เอาเรื่องพระธรรมวินัยเป็นใหญ่ เรื่องที่จะไปประจบเอาใจโยมไม่มี แล้วอะไรที่เราไปทำสร้างความเดือดร้อนให้กับเขา แม้จะเล็กน้อย แต่เขาเอาไปพูดไม่เลิก ก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ เราไม่ได้กลัวเดือดร้อนจากสิ่งที่เขาพูด ว่าเป็นสิ่งที่ไม่จริงแล้วเราจะต้องไปเดือดร้อนรำคาญ แต่เรากลัวว่าสิ่งที่เขาทำนั้น จะก่อทุกข์ให้กับตัวเขาเอง แล้วเกิดโทษหนัก พาให้เขาลงต่ำไปเรื่อย
ฉะนั้น..พรุ่งนี้ถ้ามีใครจะเมตตาไปช่วยตามพระอีก ก็โปรดทำตัวลีบ ๆ หน่อย ไม่ใช่เดินกร่างเต็มถนน ความจริงเรื่องนี้อาตมาเลิกพูดมา ๒-๓ งานแล้ว เห็นว่าดีขึ้น ปรากฏว่ามีอีก สรุปแล้วก็คือต้องลงปฏักกันอยู่บ่อย ๆ ถ้าอยากรู้ว่าปฏักมีไว้ทำอะไร ให้ไปหาดูในกูเกิ้ลก็แล้วกัน..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-11-2014 เมื่อ 16:41
|