ถาม : หลวงพ่อคะ..เวลาอยู่ของอารมณ์ รัก โลภ โกรธ หลง ตอนนี้หดสั้นกว่าเมื่อก่อนค่ะ ?
ตอบ : กิเลสเศร้าหมองเสียแล้ว..!
ถาม : เมื่อก่อนเราอยู่กับตรงนั้นได้นาน ตอนนี้จะไปต่อก็ไปไม่ได้ เพราะว่าชินกับอารมณ์ไม่เข้าไปยึด ?
ตอบ : ต่อไปจะแย่กว่านี้ คือ พยายามจะช่วยคิดก็ไม่ยอมขึ้น
ถาม : ใช่เลยค่ะ คิดแล้วไม่ขึ้น หนูก็พยายาม ?
ตอบ : เมื่อแย่ขนาดนั้นแล้ว ต่อไปจะแย่กว่านั้นอีก แค่คิดยังไม่คิดเลย ค่อย ๆ ทำไป อันนั้นแย่ในลักษณะของโลกียบุคคลทั่ว ๆ ไป แต่สำหรับนักปฏิบัติแล้วถือว่าเป็นสิ่งที่ดีมาก เพราะว่าเราทำมาทั้งชีวิตก็หวังตรงนี้ แต่ว่าอย่าไปทดสอบเพราะว่ากิเลสอาจจะกำเริบได้ ถ้าเราทดสอบแปลว่าเราประมาท
ถาม : พยายามจะสร้างอารมณ์ ให้กลับ ๆ ๆ ไปหากิเลส ?
ตอบ : กิเลสตื่นขึ้นมา เดี๋ยวก็โดนงับตาย..!
ถาม : ทำไปเรื่อย ๆ ถ้ามาเมื่อไร เท่ากับข้อสอบมาแล้ว ?
ตอบ : ไม่ใช่ เราต้องไม่หวังว่ากิเลสจะมา พยายามหลบเลี่ยงทุกวิถีทาง เพราะว่าคนที่จะรบในการศึก จะต้องมีความรู้และแน่ใจว่าในการศึกครั้งนั้นเราจะชนะ ไม่อย่างนั้นรบไปเราก็แพ้ จะไปบอกว่าเราแพ้ศึกครั้งนี้แต่ยังไม่ได้แพ้สงคราม อย่าไปเอา วิธีนั้นปล่อยให้นักการเมืองเขาใช้กัน
แพ้ศึกแต่ไม่ได้แพ้สงคราม เข้าใจความหมายไหม แพ้เฉพาะครั้งนี้ แต่ภาพรวมทั้งหมดยังไม่ได้แพ้ แต่ในสายตาชาวบ้านเราแพ้ราบอย่างเห็น ๆ เลย
ถาม : แล้วบางครั้งเวลาที่เราเจอคนอื่น บางทีไม่ได้อยากคุย อยากอยู่กับสมาธิของตนเองมากกว่า แต่ที่ต้องคุยเพราะอยากรักษาน้ำใจเขา ?
ตอบ : อันนั้นดูตัวเราในส่วนที่ว่า เราสามารถรักษากำลังใจไม่ไหลตามสิ่งที่เป็นในปัจจุบันได้ไหม
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-08-2020 เมื่อ 02:46
|