ดูแบบคำตอบเดียว
  #36  
เก่า 14-11-2014, 19:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"วันก่อนดูสารคดีสุดยอดอาหารจีน คนที่ทำเต้าหู้หมัก ที่เขาเรียก "เต้าหู้เน่า" นั่นแหละ ถึงเวลาก็ไปทอดขายในตลาด เชื่อไหมว่าภรรยาเขาทำเช้ายันค่ำ ค่ำยันเช้า ไม่ได้ทำอย่างอื่นเลย นอกจากทำเต้าหู้หมักอย่างเดียว ตีสองตีสามก็ลุกขึ้นมาตักน้ำบ่อทำเต้าหู้ เสร็จแล้วก็หมัก ห่อ ตากแดด ต้องได้แดดกี่ชั่วโมงถึงจะได้ที่ ถึงเวลาต้องคอยพลิกคอยเก็บ เอาใส่กระด้งไม้ไผ่ตากไว้นับไม่ถ้วนเลย เต็มหลังคาไปหมด เขาบอกว่าที่เห็นนั่นพอขายแค่ ๒ วันเอง แสดงว่าคนกินกันเยอะมาก

ที่พูดถึงตรงนี้เพราะว่าบางคนไม่รู้ว่าจะค้าขายอะไร ขายอาหารดีที่สุด แต่ว่าต้องเลือกทำเลให้เป็น อย่างที่เคยเล่าให้ฟังว่า สมัยที่ยังเป็นทหาร ใกล้ ๆ บ้านมีผัวหนุ่มเมียสาวเช่าบ้านอยู่ เขาเรียนรามฯ ด้วยกันทั้งคู่ แล้วก็ขายก๋วยเตี๋ยวไปด้วย พอถึงเวลาก็ขี่รถซาเล้งมีตู้ก๋วยเตี๋ยว ตอนเช้า ๆ ก็ขายหน้าปากซอย คนเดินทางออกไปจากบ้านเพื่อที่จะไปรอขึ้นรถ กินก๋วยเตี๋ยวก่อนค่อยไปทำงาน ประมาณสัก ๑๐ โมงไปจะจอดรออยู่หน้าโรงงาน พอพักเที่ยงคนงานแห่กันออกมา คนงาน ๓๐๐ คน ตีเสียว่ากินก๋วยเตี๋ยวแค่ ๑๐ เปอร์เซ็นต์ก็พอ ขายได้อย่างน้อยก็ ๓๐-๔๐ ชาม

พอถึงเวลาตอนบ่ายเขาจะเข้าหมู่บ้านจัดสรร เคาะไม้ก๊อก ๆ ไป พวกที่อยู่ในหมู่บ้านนี่ไม่ค่อยได้ออกมาข้างนอก มีก๋วยเตี๋ยวร้อน ๆ มาถึงหน้าบ้านก็สั่งซื้อกัน ยังไม่ทันจะ ๕ โมงเย็นก็ขายหมด กลับบ้าน จัดข้าวจัดของ เตรียมของวันพรุ่งนี้เสร็จเรียบร้อย ก็นอนกันแต่หัวค่ำ พอจบปริญญา รับจากสมเด็จพระเทพฯ ด้วยนะ ทั้งคู่จบปริญญาตรีปีเดียวกัน ปรากฏว่าขายก๋วยเตี๋ยวต่อ อาตมาก็ว่า “เฮ้ย...จบปริญญาตรีแล้วทำไมไม่ไปหางานอื่นทำ ?” เขาบอกว่า “งานอะไรก็ได้ไม่มากเท่ากับขายก๋วยเตี๋ยวหรอก” ตอนนั้นถ้าจำไม่ผิด ค่าแรงงานขั้นต่ำอยู่ที่ ๕๔ บาทต่อวัน เดือนหนึ่งจะเท่าไร เขาบอกว่าเขา ๒ คนขายก๋วยเตี๋ยวเดือนหนึ่งได้เป็นหมื่นบาท..!

ไปนึกถึงตัวเองว่า ตอนนั้นอัตราเงินเดือนทะลุแรงงานขั้นต่ำไปเท่าตัว ของเราก็อยู่ได้ ส่วนเขาเองถ้าไปเริ่มต้นใหม่ ก็ต้องเริ่มจากอัตราต่ำสุด ดังนั้น..เขาตัดสินใจขายก๋วยเตี๋ยวต่อ ก็แบบเดียวกับสามีภรรยาที่หมักเต้าหู้เอาไปทอดขาย ภรรยาก็หมักเช้ายันค่ำ ค่ำยันเช้า เช้าขึ้นสามีก็เข็นรถออกไปตลาด จะไปจอดอยู่ใกล้ ๆ พวกรถเข็นที่ขายน้ำเต้าหู้หรือขายเต้าฮวย เพราะว่าไปกันได้ พอถึงเวลาแขกนั่งโต๊ะก็ตะโกนสั่งของทางโน้นได้เหมือนกัน แล้วแขกนั่งโต๊ะทางโน้นก็ตะโกนสั่งของทางนี้ได้ เพราะฉะนั้น..การค้าขายจึงสำคัญตรงทำเล

เรื่องอาหาร..ถ้าฝีมือดี ทำเลดี อย่างไรก็สบาย คนต้องกินอยู่แล้ว ปัจจัยมี ๔ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค แต่คนเราไม่ได้ป่วยทุกวัน เปิดร้านขายยานี่ต้องมีทุนยาวมาก ส่วนที่อยู่อาศัยถ้าไม่ได้มีระดับเป็นพันล้าน จะไปสร้างแข่งกับใครไหว กู้กันตายเลย ก็เหลือแต่อาหารกับเครื่องนุ่งห่ม เครื่องนุ่งห่มก็ไม่ใช่จะซื้อกันได้ทุกวัน ราคาค่อนข้างสูง ก็เหลือแต่อาหาร ใครมีฝีมือ ก็หาทำเลตั้งร้านกันเอา สมัยนี้ข้างถนนแท้ ๆ ตั้งหาบปั๊บมีคนมาเก็บเงินปุ๊บ อาตมายังคิดว่า ตกลงว่าถนนเป็นของใคร ?"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-11-2014 เมื่อ 02:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา