ดูแบบคำตอบเดียว
  #1  
เก่า 20-11-2014, 10:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,419,057 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันเสาร์ที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๗

ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติเอาไว้เฉพาะหน้า เอาความรู้สึกทั้งหมดอยู่ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ที่เราถนัดมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๗ เมื่อครู่นี้ได้กล่าวถึงความไม่ค่อยจะแปรผันของโลหะทองคำ จนกระทั่งมีคำพังเพยว่า ทองคำแท้ไม่กลัวไฟเผา เพราะว่าจะเผาจะหลอมเท่าไรก็ยังเป็นเนื้อทองคำ ไม่ได้แปรเปลี่ยนเป็นโลหะอื่น

พวกเราทั้งหลายที่เป็นนักปฏิบัติธรรมก็เช่นเดียวกัน ในเมื่อเราปฏิบัติธรรม คนอื่นเห็น ส่วนใหญ่ก็ต้องคิดว่าเราดี พวกเราทุกคนต้องถามตัวเองว่า การปฏิบัติของเราเองนั้นดีจริงแล้วหรือไม่ ? คำว่าดีในที่นี้ก็คือดีด้วยศีล ดีด้วยสมาธิ ดีด้วยปัญญา

การดีด้วยศีลนั้น เรารักษาศีลอย่างจริงจังแค่ไหน ? เราไม่ละเมิดศีลด้วยตนเอง ไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นละเมิดศีล ไม่ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นละเมิดศีลหรือเปล่า ? หรือว่าเรายังรักษาศีลแบบขาดตกบกพร่อง ไม่สามารถทำได้ครบถ้วน ไม่สามารถที่จะรักษาให้สมบูรณ์บริบูรณ์ได้ทั้งวัน ?

โดยเฉพาะบางท่านตั้งใจรักษาศีล ๘ แต่ทำได้ไม่ตลอด ถึงเวลาก็ใช้คำว่าขอลาศีลชั่วคราว เพราะว่าศีล ๘ ไม่สามารถกินอาหารหลังเวลาเที่ยงไปแล้ว ก็ใช้การลาศีลชั่วคราวมากินอาหารประมาณ ๑๕-๒๐ นาที แล้วก็รักษาศีล ๘ ต่อไป ถ้าทำลักษณะนี้ให้ระวังว่าจะเป็นการปรามาสพระรัตนตรัย และขณะเดียวกันก็เป็นสีลัพพตปรามาส หรือการรักษาศีลแบบลูบ ๆ คลำ ๆ ไม่จริงไม่จัง

ถ้าของเราดีแท้ จริงแท้ เป็นทองคำที่ทนต่อการพิสูจน์ของไฟ ก็หมายความว่าเราต้องรักษาศีลให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ทุกสิกขาบท ไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นละเมิดศีล ไม่ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นละเมิดศีล มีความเข้าใจอย่างชัดเจนว่าเรารักษาศีลเพื่ออะไร เรารักษาศีลด้วยความเคารพในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เพราะว่าศีลเป็นของดี ของวิเศษที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามอบให้เป็นสมบัติของเรา ศีลเป็นของดี ของวิเศษที่ครูบาอาจารย์มอบให้เราไว้รักษาตัวทั้งชาตินี้และชาติหน้า ศีลจะเป็นบันไดให้เราก้าวล่วงจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน

ถ้าเรารักษาศีลบริสุทธิ์บริบูรณ์ มีความมุ่งมั่นและแน่วแน่ เข้าใจต่อจุดหมายในการรักษาศีล อย่างนี้เราเรียกตนเองได้ว่าเป็นผู้มีความจริงแท้ในศีล สามารถพิสูจน์ได้ในที่ทุกสถานในกาลทุกเมื่อ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-11-2014 เมื่อ 10:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 55 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา