พระอาจารย์เล่าว่า "สาว ๆ สมัยก่อนเขาใช้ส้มมะขามขัดผิว อาบน้ำเสร็จก็ทาแป้ง ทาขมิ้น สมัยก่อนเขาอาบน้ำประณีตมากเลย รุ่นพี่ป้าน้าอาสมัยก่อน จะกระโจมอกไปอาบน้ำที่ท่าน้ำ ค่อย ๆ ขัดสีฉวีวรรณ จึงเข้าใจว่าการขัดสีฉวีวรรณมาจากการอาบน้ำของคนรุ่นก่อนนี้เอง คนรุ่นก่อนทำอะไรประณีตมาก ค่อย ๆ ผสมดินสอพองกับขมิ้น ค่อย ๆ ขัดผิวด้วยส้มมะขาม
ที่ภรรยาของนายประตูเมืองเตือนศรีสุวรรณกับเพื่อนว่า "เห็นผู้หญิงริงเรือที่เนื้อเหลือง อย่ายักเยื้องเกี้ยวพานนะหลานขวัญ แต่ละนางมิใช่ชั่วตัวสำคัญ จะเสียสันเปล่า ๆ ไม่เข้าการ" คำว่า "ริงเรือ" คือผิวเนื้อเหลืองแบบเรื่อ ๆ บางคนใช้คำว่า "ผิวนวลมะปรางสุก"
พอมารุ่นหลังเขาไม่เข้าใจคำโบราณ เขาเลยเปลี่ยนเป็น "ผู้หญิงยิงเรือ" เพราะเขามีสำนวนเก่าว่า "ผู้ชายพายเรือ" ก็คือ ร่อนเร่ตระเวนไปเรื่อย ๆ ไม่เป็นโล้เป็นพาย เขาก็เลยเหมาว่า คำนี้ต้องเป็นผู้หญิงยิงเรือ เพราะผู้ชายพายเรือ...
เสียสัน คือโดนโบยจนสันหลังลาย โทษฐานที่ไปเกาะแกะนางในรั้วในวังเข้า"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-01-2015 เมื่อ 03:19
|