เรื่องแรก...ก่อนหลวงตาจะได้บวช เป็นฆราวาสผู้ปรารถนาจะบวชทั้ง ๆ ที่ยังไม่รู้ว่าธรรมชาติชีวิตจิตใจของนักบวชเป็นอย่างไร...ตอนนั้นนะลูก...ก็ห่ามเห่อไปตามเรื่องหมาน้อยที่ยังไม่รู้จักกลิ่นเสือ ถวายชีวิตรับใช้พ่อรับใช้คณะสงฆ์วัดท่าซุง ซึ่งมีพระคุณหลวงพี่นันต์ พระคุณหลวงพี่โอ เจิดจ้าอร่ามเหลืองในหมู่สงฆ์อยู่ก่อนแล้ว (นี่หลวงตา...นี่น่าจะเรียกทั้งสองท่านว่า 'พระอาจารย์' ได้แล้ว ทำไมยังไม่เรียกเสีย...) ตอนนั้นหลวงพี่ชัยวัฒน์ หลวงพี่สุรจิตยังไม่ได้บวช ยังร่วมวงธรรมสนทนา..ก็กลุ่มใหญ่เชียวล่ะ.. หลวงตาน่ะ...ความดีน้อยแต่เสียงดังกว่าเพื่อน ก็เลยหลุดพูดออกมาตามภาพในใจ
"อีกไม่นานนะ... พอพวกเราบวชแล้ว แยกย้ายกันไปทำความเพียร ตั้งตัวเป็นหัวหน้าเป็นอาจารย์เขาแล้ว (ก็ยังอายอยู่นะลูกที่เล่าออกมานี่น่ะ...) พวกที่อยู่กับพ่อก็อยู่ไป พวกที่ไปประกาศพระศาสนาก็ประกาศไป พอถึงวันงานประจำปีนะ...พวกเรา...ก็จะมารวมกันที่บ้านใหญ่ กลับมาหาพ่อ มาหาพี่น้องกัน นัดหมายกันมา (ก็ยังพอฟังได้ไม่ขัดหู...นะ ตอนนี้)...เอาเลย! อย่างเรานี่ นั่งขัดสมาธิ มาเลย.. เอาประคำแกว่งเหนือหัว...เฮลิคอปเตอร์มาเลย..(...ฟังได้ไหมลูก? มันคอยจะล้นขอบเกินเขตไปเสียอย่างนี้แหละ..แต่พ่อฟังไม่ค่อยได้...เสียงดังมาก...ดังว่า เฮ้ย...เฮ้ย... มาจากทางหน้าต่างศาลานวราช ไม่รู้ท่านมาตั้งแต่เมื่อไร มันดึกแล้วนาลูกตอนนั้น...ก็ร่วงลงกับพื้นพับเพียบกราบ กราบ กราบ... แล้วก็วงแตกสลายตัวในทันทีทันใด) ...จะบอกลูกหลานว่าหลวงตามั่นใจว่าต้องมีวันที่พี่น้องนักบวชที่ไกลบ้านจะกลับมารวมกันเป็นประเพณี
เรื่องที่สอง...เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนหลวงตาบวชแล้ว เป็นเฮลิคอปเตอร์ออกจากบ้านใหญ่... มาประจำอยู่ที่วัดเขาวงนี้แล้ว วันนั้นเป็นวันงานทำบุญบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่สำนักแม่ชีประทุมที่ปากช่อง...เจ้าประคุณหลวงพ่อสมเด็จวัดสระเกศฯ เป็นประธาน หลวงพี่...(เอาเลย! เริ่มเรียกว่า)...พระอาจารย์อนันต์และคณะสงฆ์วัดท่าซุงเมตตาไปกัน พร้อมพรั่งด้วยศิษยานุศิษย์พระคุณหลวงพ่อฤๅษีมากมาย หลวงตาก็ไปด้วย จึงได้เห็นภาพนั้น... เห็นหลวงพ่อสมเด็จเรียกพระอาจารย์อนันต์เข้าไปพูดคล้ายสั่งความสำคัญอยู่นานเกือบ ๑๕ นาที พอเสร็จความพระอาจารย์อนันต์ก็ถอยมานั่งติดกับหลวงตา ท่านบอกว่าหลวงพ่อสมเด็จฯสั่งให้ท่านเป็นหัวหน้ารวบรวมศิษย์หลวงพ่อฤๅษีไว้ให้เป็นปึกแผ่น ทั้งที่เป็นพระสงฆ์และที่เป็นฆราวาส ให้คอยกำชับกำชาให้ประพฤติปฏิบัติตามที่หลวงพ่อฤๅษีสั่งสอนให้อยู่ในร่องรอยเดียวกัน ถ้าเป็นไปได้ก็ให้หาทางมอบนโยบายการปฏิบัติกรรมฐานและการสั่งสอนเผยแผ่...เป็นแบบอย่างเดียวกัน ใครจะทำอะไรที่เป็น..จำเป็นต้องผิดแผกเพิ่มเติมออกไปบ้างก็ให้ปรึกษาพระอาจารย์ พระครูปลัดอนันต์ก่อนทุกครั้งไป
|