พระอาจารย์ให้โอวาทก่อนพระสึก ๒๓ ตุลาคม ๒๕๕๗
คุณรู้จักความดีของเต่าบ้างไหม ? เต่าอยู่ในน้ำได้ อยู่บนบกก็ได้ เต่าเป็นสัตว์ ๒ โลก มาเห็นอะไรบนบกจึงไปเล่าให้ปลาในน้ำฟัง เล่าให้ตายปลาก็ไม่เชื่อหรอก เพราะปลาไม่เคยขึ้นบก
ถึงได้บอกว่า นักปฏิบัติรู้เรื่องอะไรอย่าไปเล่าให้คนอื่นฟัง คนที่ไม่ได้ทำเองไม่รู้เรื่องด้วยหรอก นกบินอยู่บนฟ้า ไปบอกปลาในน้ำว่าข้างบนหน้าตาเป็นอย่างไร ปลาไม่เชื่อหรอก เพราะปลาเห็นแต่ในน้ำนั่นแหละ ขนาดน้ำปิดลูกตาปลาอยู่ ปลายังไม่เห็นเลยว่าน้ำเป็นอย่างไร
ความดีของเต่าอย่างที่ ๒ คือ เดินช้า แต่มีใครเคยเห็นเต่าเดินถอยหลังไหม ? ไม่เคย..เต่าเดินช้าอย่างไรไม่ว่า แต่ขึ้นหน้าอย่างเดียว ต้องเลียนแบบเต่าให้ได้นะ
ความดีของเต่าอย่างที่ ๓ เหมาะสำหรับนักปฏิบัติอย่างมากเลย เต่ามี ๑ หัว ๔ ขากับอีก ๑ หาง ถ้าเปรียบเทียบกับของเราก็คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ๖ อย่างพอดี อันตรายเกิดขึ้นมา เต่าหดอวัยวะหมดเกลี้ยงเลย อันตรายไม่ผ่านไปเต่าก็ไม่โผล่ออกมา หัดรู้จักเลียนแบบเต่าบ้าง ที่เราว่าโง่เง่าเต่าตุ่นน่ะ เต่าฉลาดกว่าเราเยอะเลย พวกเรานี่ชอบยื่นหัวออกไปให้เขาฟัน อยู่ในวัดดี ๆ ไม่ชอบ ชอบสึกออกไป สมควรโดน..! กลายเป็นยำเต่าไปเถอะ
ฉะนั้น..ในเมื่อเห็นความดีของเต่า ก็ให้เลียนแบบไปบ้าง ถ้ารู้จักคิด..ทุกสิ่งรอบด้านของเรา เอาขึ้นมาคิดให้เกิดเป็นตัวปัญญาได้หมด เพียงแต่ว่าเป็นปัญญาแบบไหน ? ปัญญามี ๓ ประเภท สหชาติกปัญญา ปัญญาที่ติดตัวมาพร้อมกับการเกิด อีกศัพท์หนึ่งเขาเรียกว่าสัญชาตญาณ รู้จักวิธีกิน รู้จักวิธีนอน รู้จักวิธีหลบภัย รู้จักการสืบพันธ์ุ เป็นสัญชาตญาณเลย เพราะสั่งสมมาชาติแล้วชาติเล่า
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-12-2014 เมื่อ 09:54
|