ฉะนั้น..ในส่วนการปฏิบัติของพวกเรา ส่วนที่ละได้ยากที่สุดคือสักกายทิฐิ ตัวกู ของกู ส่วนนี้ผมชื่นชมหลวงพ่อวัดท่าซุงที่สุด บรรดาลูกศิษย์ของท่านแต่ละคน ใครได้ยินประวัตินี่หนาวกันทั้งนั้น อย่างผมนี่ถือว่าปลาย ๆ แถวเลย หัวแถวอย่างหลวงพ่ออนันต์ ท่านเจ้าคุณเจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน ท่านบอกว่าท่านรอดมาจนกระทั่งบวชตอนอายุ ๒๕ ปีได้อย่างไรก็ไม่รู้ ? ที่ไหนมีงานวัด มีรำวง ไปทุกที่แล้วก็มีเรื่องกันทุกที่ ไล่ตีไล่แทงกันชนิดวิ่งไล่กันข้ามทุ่ง จนเป็นสัญชาตญาณติดตัวขึ้นมา
วันนั้นหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านว่า “ไปตามอนันต์มาหน่อย..พ่อมีธุระ” ผมก็เข้าไปที่ท่านเจ้าคุณอยู่ ตอนนั้นวิหารร้อยเมตรเพิ่งสร้างเสร็จใหม่ ๆ มีห้องอยู่ทางด้านหลังหลวงพ่อพระพุทธชินราช ทุกวันนี้ก็รู้สึกว่าท่านเจ้าคุณก็ยังพักอยู่ที่นั่น ผมเปิดประตูเข้าไปเห็นท่านหลับ ก็เข้าไปใกล้ “หลวงพี่ครับ” ท่านสะดุ้งเฮือกขึ้นมาแล้วคว้าของข้างตัว ผมโดดถอยหลัง ๓ ก้าวเลย แสดงว่าบวชมา ๒๐ กว่าพรรษาแล้ว สัญชาตญาณนักเลงเก่ายังไม่ลืม ได้ยินเสียงก็ควานหาอาวุธข้างตัวไว้ก่อน ตั้งแต่นั้นมา..ถ้าผมต้องไปเรียกท่านผมจะเปิดประตูชะโงกหน้าเข้าไปนิดเดียว เรียกให้รู้ตัวแต่ไกลก่อน
หลวงพี่ประทีป ท่านมรณภาพไปแล้ว ไม่เป็นไร..นินทาได้ เพราะรักกันมาก ท่านไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว หลวงพี่ประทีปก่อนบวชท่านยกเค้าตำรวจ ๓ บ้านติดกัน ย่องเข้าไป..มีเท่าไรขนหมดบ้าน เขาเรียกว่ายกเค้า หลวงพี่ประทีปเป็นนักเรียนช่างกลปทุมวัน มีเรื่องตีกันอยู่ตลอด แล้วตำรวจก็หาเรื่องจับแต่ช่างกล ถ้าจะจับช่างกลปทุมวันแล้วให้ได้อาวุธนี่ต้องไปจับผู้หญิง ผู้ชายเอาอาวุธฝากผู้หญิงไว้หมด
คราวนี้พี่ทีปท่านว่า “อยากจับกูดีนัก กูก็เลยเอาคืน” ตอนที่ท่านเล่านี่ท่านบวชมาเกิน ๒๐ พรรษาแล้ว คดีหมดอายุความไปแล้วครับ ไม่อย่างนั้นโดนแน่ ท่านเลือกเอาแต่ตำรวจ โดยเฉพาะคนที่เคยจับท่านบ่อย ๆ ยกเค้า ๓ บ้านรวดเลย ลูบคมกันชัด ๆ กระตุกหนวดเสือกันเห็น ๆ
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ตัวเล็ก : 20-12-2014 เมื่อ 10:41
|