ดูแบบคำตอบเดียว
  #6  
เก่า 04-01-2015, 19:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,418,916 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สมัยอาตมาปฏิบัติธรรมใหม่ ๆ จะมาไล่ดูข้อที่ ๑ ฆ่าสัตว์ วันนี้เราฆ่าอะไรไปหรือเปล่า ? ทั้งเล็กทั้งใหญ่ ทำร้ายสัตว์ให้ลำบากโดยเจตนาหรือเปล่า ? เตะหมาเตะแมวไหม ? ถ้าไม่มี เอ้า..ศีลข้อนี้ของเราบริสุทธิ์บริบูรณ์ ๒. ได้ลักทรัพย์ หยิบฉวยสิ่งของที่เจ้าของเขาไม่ได้ให้หรือเปล่า ? ๓. ได้ประพฤติผิดในกาม ล่วงละเมิดสิ่งที่เขารัก คนที่เขารักหรือเปล่า ? ๔. ได้โกหกหลอกลวงผู้อื่นเพื่อให้ผลประโยชน์ตกสู่ตนเองหรือเปล่า ? ๕. ได้ดื่มสุราเมรัยหรือเสพยาเสพติดอย่างใดอย่างหนึ่งหรือเปล่า ?

ถ้าหากว่าข้อไหนขาด อย่างเช่นว่า วันนี้ยิงนกไป ๑ ตัว ตกปลาไป ๓ ตัว แม้จะเอามากินก็เถอะ ถือว่าเราทำผิดศีลอย่างแน่นอน ก็ตั้งใจว่า..ขึ้นชื่อว่าการที่ทำให้ศีลขาดเช่นนี้จะไม่มีสำหรับเราอีก แล้วก็ตั้งใจสำรวมระวังในศีล จะทวนอย่างนี้อยู่ทุกวัน

เมื่อทวนศีลจนมั่นใจแล้ว ก็มาดูต่อว่าร่างกายของเรานี้มีอะไรดีหรือเปล่า ? เกิดขึ้นในเบื้องต้น เปลี่ยนแปลงในท่ามกลาง สลายไปในที่สุด ไม่สามารถที่จะยึดถือเป็นแก่นสารได้ ระหว่างที่ดำรงชีวิตอยู่ก็เต็มไปด้วยความทุกข์ เกิดก็เป็นทุกข์ แก่ก็เป็นทุกข์ เจ็บก็เป็นทุกข์ ตายก็เป็นทุกข์ พลัดพรากจากของรักของชอบใจก็เป็นทุกข์ ปรารถนาไม่สมหวังก็เป็นทุกข์ กระทบกระทั่งอารมณ์ที่ไม่ชอบใจก็เป็นทุกข์ แล้วยังมีแต่ความสกปรกให้เราต้องชำระล้างอยู่เสมอ เมื่อเห็นว่าสภาพร่างกายนี้หาความดีไม่ได้ ก็ตัดสินใจว่า ขึ้นชื่อว่าร่างกายเช่นนี้เราไม่ต้องการอีก การปฏิบัติทั้งหมดของเราที่กระทำนี้ ก็เพื่อหลุดพ้นจากร่างกายนี้ไปสู่พระนิพพานเท่านั้น เมื่อพิจารณาจนสภาพจิตมั่นคงดีแล้วก็เริ่มภาวนาต่อ

ก็แปลว่าทวนศีล พิจารณาร่างกายนี้ว่าหาความดีไม่ได้ ท้ายสุดก็เริ่มต้นหนีด้วยการภาวนา เคยทำอย่างนี้กันบ้างไหม ? อาตมาทำมาตั้งแต่อายุ ๑๖ ตอนหลังพออ่านตำราหลวงพ่อวัดท่าซุงบ้าง ได้ฟังคำสอนบ้าง หลวงพ่อท่านก็สอนลักษณะอย่างนี้ กลายเป็นว่าสิ่งที่อาตมาทำบางอย่างก็ลงตัวโดยอัตโนมัติ ต้องบอกว่าครูบาอาจารย์ท่านสอนไว้ดี สิ่งที่เราทำ แม้ว่าจะโดยบังเอิญหรือไม่บังเอิญ ก็เป็นสิ่งที่ครูบาอาจารย์ท่านแนะนำ ท่านสั่งสอน อาตมาก็เกิดความมั่นใจมากขึ้นว่า สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ครูบาอาจารย์ท่านสอนมาจริง ๆ เราเดินมาถูกต้องตามแนวที่โบราณาจารย์ยึดถือ โบราณาจารย์ท่านก็นำความรู้เหล่านี้มาจากที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสั่งสอนและถ่ายทอดต่อ ๆ กันมา

ฉะนั้น..พวกเราที่มาปฏิบัติธรรมแต่ละครั้ง ที่อาตมาบอกกล่าวกับพวกเราไปก็ดี สนทนาธรรมก่อนการปฏิบัติก็ดี ส่วนใหญ่แล้วเป็นประสบการณ์ที่พบมาด้วยตัวเองจริง ๆ ในเมื่อพบมาด้วยตัวเองก็พยายามทิ้งสิ่งที่ยาก บอกสิ่งที่ง่าย ๆ กับพวกเราทุกครั้ง ถ้าใครปฏิบัติธรรมมาตั้งแต่ครั้งแรก ๆ ก็จะเห็นว่ามีสิ่งที่ซ้ำ ๆ ซ้อน ๆ กันอยู่แค่ไม่กี่อย่าง แต่ว่าวิธีการปฏิบัติ กว่าจะเข้าถึงตรงจุดนั้น มีหลากหลายจนนับไม่ถ้วน จนกระทั่งท้ายสุด..เมื่อปฏิบัติตามแนวกรรมฐาน ๔๐ ที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงได้เมตตาสั่งสอนไว้ ก็สรุปความออกมาเหลือแค่ประมาณที่นำพวกเราปฏิบัติตอนเช้ามืด ถ้ารู้จักพิจารณาแยกแยะ ก็จะเห็นว่ากรรมฐาน ๔๐ กองอยู่ในนั้นหมดเลย เพียงแต่เราจะแยกแยะออกหรือไม่เท่านั้นเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 04-01-2015 เมื่อ 21:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 69 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา