ไม่ทราบว่าเรื่องที่เลือกนำมาลงหนักเกินไปสำหรับผู้อ่านหรือไม่
ได้เลือกเรื่องเล่าที่อาจจะทำให้รู้สึกว่าเบาลง เนื่องจากเคยมีการทำเป็นการ์ตูน
เรื่องนี้ส่งมาสวัสดีตอนเช้า เมื่อประมาณปลายปี ๒๕๕๐
เรื่องราวบางตอนของท่านอิคยุหรืออิกคิว (ภิกษุนิกายเซนที่มีตัวตนอยู่จริง)
ในญี่ปุ่นมีเรื่องที่ชอบเล่าอย่างชื่นชมยินดีมาทุกยุค นับแต่สมัยอาชิคากะมาจนทุกวันนี้ คือ
เด็กน้อยอิคยุติดตามมารดาไปวัดตั้งแต่ยังเล็ก หลวงพ่อเจ้าวัดท่านก็เรียกไปใช้สอยใกล้ชิด
วันหนึ่ง เช็ดพื้นไปปัดเอาถ้วยชาอย่างดีราคาแพงของอาจารย์ตกแตก
อิคยุเด็กน้อยรู้สึกตกใจมากเพราะรู้แน่ว่าถ้วยอย่างนี้แพง หาไม่ได้อีกแล้ว
ในเมื่อขาดชุดไป ในจิตใจของเด็ก ๆ ก็เหมือน ๆ กับเราท่านทุกคนเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก
คือเคยทำของมีค่าตกแตกเสียหายมาบ้างแล้ว ลองนึกดูเถิดว่าในคราวอย่างนั้นเด็กธรรมดาก็ย่อมจิตใจว้าวุ่น
คิดอุบายหลบเลี่ยงหรือหนี ปฏิเสธว่าไม่รู้ไม่เห็น ไม่ได้ทำแตกเหมือน ๆ กันหมด
แต่เด็กชายอิคยุคนนี้ไม่มีโอกาสนิ่งอึ้งคิดหาหนทางแก้ตัวนานนัก
เพราะขณะนั้นได้ยินเสียงฝีเท้าของอาจารย์เดินเข้าห้องมาพอดี
ถ้าเป็นเด็กอื่น หากถึงคราวจวนตัวไม่รู้จะทำประการใดเช่นนั้น ก็จะร้องไห้โฮล่วงหน้า
เพื่ออุทธรณ์ให้ถูกเฆี่ยนน้อยหน่อย แต่เด็กชายอิคยุคนนี้กลับกระวีกระวาดลุกขึ้นยืน
มือทั้งสองถือชิ้นกระเบื้องถ้วยชาซ่อนไว้ข้างหลัง ตาจ้องอยู่ที่อาจารย์ผู้กำลังนั่งบนอาสนะ
ก่อนที่อาจารย์จะสังเกตอะไรผิดปกติ เด็กชายอิคยุก็เข้าคุกเข่าต่อหน้า
ขัดจังหวะเอาไว้ก่อนที่ท่านอาจารย์จะเอื้อมไปรินชาขึ้นซด
ทั้ง ๆ ที่มือทั้งสองก็ยังซ่อนอะไรไว้ข้างหลังไม่ให้อาจารย์เห็น
ท่านอาจารย์ชะงัก เหลียวมาดูไอ้หนูน้อยด้วยใบหน้าละไมเป็นปกติ
เด็กชายอิคยุเห็นหน้าอาจารย์ ก็แน่ใจว่าอาจารย์ไม่ได้ยินเสียงถ้วยชาแตกเมื่อครู่นี้
ทำให้เกิดปฏิภาณขึ้นบัดนั้น เรียนถามปัญหาธรรมะต่อท่านอาจารย์ทันใดว่า
“หลวงพ่อฮะ! ทำไมคนเรานี่นะต้องตายทุกคน ไม่เว้นใครเลยฮะ!?”
“ลูกเอ๋ย! นั่นมันเป็นธรรมชาติ ธรรมดา” หลวงพ่อตั้งต้นชี้แจงโดยซื่อ
ไม่เฉลียวว่าเด็กทำไมเกิดจะมาถามธรรมะเอาตอนนี้ ท่านกล่าวเรื่อยไปอีกว่า
“บรรดาสรรพสิ่งไม่ยกเว้นสิ่งใด ถึงที่ถึงคราวย่อมล่วงหล่นม้วยมรณ์ตายไปอย่างเที่ยงแท้ มิได้ตั้งอยู่นาน”
เด็กชายอิคยุจ้องดูตาท่านอาจารย์อยู่ไม่วาง ฟังอาจารย์ชักนำให้รู้ความเป็นไปของสังขารอยู่จนจบ
เลยยื่นแบเศษถ้วยชาแตกในมือให้อาจารย์ดู พร้อมกับทำหน้าเศร้าเอ่ยว่า
“ถ้วยชาของหลวงพ่อนี้ก็เหมือนกันครับ ถึงคราวมันตายเสียแล้ว”
ความข้อนี้ คนทั้งวัดสรวลเสเฮฮากันไปทั่ว
เมื่อเล่าสู่กันฟัง ทุกคนได้เห็นแววปฏิภาณของเด็กเล็ก ๆ
รู้จักนำความรู้ที่ได้ยินได้ฟังผู้ใหญ่เขาพูดจาสนทนาธรรมกัน
มาใช้แสดงเชาว์ไวไหวพริบเข้ากับเหตุการณ์จวนตัวให้เห็นปานนั้น
แต่ในสมัยแรก ๆ ก็ยังไม่มีใครคาดฝันว่าเด็กน้อย ๆ นี้ในเวลาต่อมาจะกลับกลายเป็น
ท่านธยานาจารย์อิคยุ ผู้เป็นอาจารย์ใหญ่ฝ่ายเซ็น
ในสมัยที่ท่านโตบวชเป็นพระแล้ว ตัวลูกศิษย์องค์นี้กลายเป็นผู้บรรลุธรรมก่อนอาจารย์ผู้เฒ่าเสียอีก
ใช่แต่เท่านั้น ตัวหลวงพ่อผู้เฒ่าเองก็ไม่เคยนึกมาก่อนว่าเด็กน้อยที่ทำถ้วยชาของท่านตกแตกนี้
จะกลายเป็นครูสอนวิธีตายให้ท่านเอง ขณะที่ท่านกำลังจะดับจิต