พระยอดธง ๘๐ ปี พระเทพเมธากร
อาตมาได้รู้จัก
หลวงพ่อพระเทพเมธากร(ณรงค์ ปริสุทฺโธ ป.ธ.๔) เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรีรูปปัจจุบัน ตั้งแต่สมัยที่อาตมาเพิ่งบวชใหม่ ๆ
ตอนนั้นอาตมามีหน้าที่ต้อนรับพระผู้ใหญ่ ที่
หลวงพ่อฤๅษีนิมนต์มางานทำบุญประจำปีที่
วัดท่าซุง จึงได้มีโอกาสถวายการรับใช้ท่านมาตั้งแต่สมัยนั้น
ตอนนั้นท่านเป็น
เจ้าคุณพระวิสุทธิรังษี รองเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี มักจะมาคู่กับ
หลวงพ่อพระครูสุนทรกาญจนคุณ วัดเขื่อนท่าทุ่งนาทุกครั้ง
หลวงพ่อท่านมีอัธยาศัยไมตรีที่ดีเป็นอย่างยิ่ง เมตตาต่อพระหนุ่มเณรน้อยอย่างอาตมาเสมอ ทั้งที่ได้พบกันปีละครั้งเท่านั้น ท่านยังจำแม่นชนิดเรียกชื่อถูกทุกครั้ง
หลวงพ่อฤๅษีมอบสิทธิพิเศษให้แก่ท่าน ด้วยการออกปากว่า
“สำหรับท่านเจ้าคุณ ต่อให้ไม่มีฎีกาไปก็ต้องมางานผมนะครับ ผมยกให้เป็นพิเศษเลย..”
หลวงพ่อจังหวัดท่านมีอะไรดี
หลวงพ่อฤๅษีจึงได้ยกให้เป็นพิเศษ อาตมาก็ไม่อาจจะบอกได้ แต่หลังจากที่ออกจาก
วัดท่าซุงมาแล้ว อาตมาก็ได้อาศัยร่มใบบุญของท่านมาตลอด เริ่มจากย้ายสังกัดมาลงที่
วัดท่ามะขามของท่าน
หลังจากนั้น ท่านก็ตั้งให้เป็น
ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดท่ามะขาม
รองเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน
เจ้าอาวาสวัดทองผาภูมิ
เจ้าคณะตำบลชะแล
เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน มาตามลำดับ
มีอยู่ช่วงหนึ่งที่
พระมหาทองดี โชติปญฺโญ ป.ธ. ๖ เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรีป่วยหนัก อาตมาต้องทำหน้าที่แทนอยู่เกือบหนึ่งปี ตลอดระยะเวลาที่อยู่รับใช้ท่านมา ได้เห็นว่าท่าน
มีจริยาที่สม่ำเสมอในหลายเรื่อง ดังที่ทุกคนก็ทราบโดยทั่วกัน คือ
๑.
เมตตาต่อทุกคนแบบไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ต่อให้เป็นคนต้องอาญาแผ่นดินมาก็ตาม ถ้าไม่ได้ทำผิดให้เห็นซึ่งหน้า ท่านก็เมตตาเขาเสมอด้วยคนอื่น
๒.
บิณฑบาตเป็นกิจวัตร สมัยที่ยังแข็งแรง ท่านนำอาตมาเดินจนทั่วตลาดทุกวัน ต่อมาท่านผ่าตัดบายพาสเส้นเลือดหัวใจไป ๓ เส้น จึงนั่งรถนำพระเณรออกบิณฑบาต จนทุกวันนี้ขนาดนั่งรถเข็น ท่านก็ยังออกบิณฑบาตเป็นประจำ
๓.
สวดมนต์ทำวัตรเช้าเย็นสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะออกกิจนิมนต์ใกล้ไกลขนาดไหนก็ตาม ก่อนไปท่านต้องสวดมนต์ก่อน กลับมาก็ต้องสวดมนต์แล้วจึงยอมจำวัด จน
หลวงพ่อ พระธรรมคุณาภรณ์(ไพบูลย์ กตปุญฺโญ ป.ธ. ๘) อดีตเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี วัดไชยชุมพลชนะสงคราม ออกปากว่า
“ท่านมีดีตรงสวดมนต์นี่แหละ..!”