เมื่อท่านทั้งหลายตั้งใจสมาทานศีล รักษาศีล ก็แปลว่าท่านประพฤติปฏิบัติอยู่ในศีล สมควรตามที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้สอนไว้ เมื่อถึงเวลาฟังธรรม ทุกคนก็ตั้งใจเงี่ยหูฟัง ว่ามีสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่พอเหมาะพอควร ที่เราจะนำไปประพฤติปฏิบัติให้เป็นประโยชน์แก่ตนเองได้ ก็แปลว่าเราตั้งใจทำสมาธิ เพื่อให้เกิดปัญญารู้ว่าสิ่งใดเหมาะ สิ่งใดควร จะได้เลือกสรรไปใช้งานในชีวิต เราจึงปฏิบัติทั้งในทาน ศีล ภาวนา ตามที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เมตตาตรัสสอนเอาไว้
พระองค์ท่านลำบากตรากตรำอยู่ตลอด ๔๕ ปีเต็ม ๆ สั่งสอนมา ญาติโยมทั้งหลายได้ประพฤติปฏิบัติตาม ก็นับว่าไม่เสียทีที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงยอมเหนื่อยยาก เมื่อเรียนรู้ในชาติต่าง ๆ จนนับชาติไม่ถ้วนแล้ว ได้บรรลุอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ก็นำเอาธรรมะมาสั่งสอน พวกเราก็พยายามเรียนรู้และปฏิบัติตามด้วยดียิ่ง จึงเป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การภาคภูมิใจ ว่าพระพุทธศาสนาของเรานั้น แม้แต่องค์กร UNESCO ก็ยังยกให้เป็น ศาสนาแห่งสันติ ยกให้วันวิสาขบูชาเป็นวันสำคัญของโลก เนื่องเพราะเห็นว่าศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่ไม่เคยเบียดเบียนใคร ขณะเดียวกัน องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา ก็เป็นบุคคลที่ตั้งใจทำคุณประโยชน์เพื่อสหประชาชาติ ก็คือไม่ว่าจะชาติใด ภาษาใดก็ตาม ถ้าตั้งใจนำเอาหลักธรรมของพระองค์ท่านไปใช้งาน ก็สามารถที่จะได้รับประโยชน์ด้วยกันทั้งสิ้น
ดังนั้น..พวกเราที่เป็นคนไทยจึงไม่ควรที่จะอยู่ในลักษณะใกล้เกลือกินด่าง ก็คืออยู่ใกล้ของดีแต่ไม่รู้จัก ขอให้ทุกท่านตั้งใจประพฤติปฏิบัติในส่วนของ ทาน ศีล ภาวนา ให้เต็มสติกำลังของตน ให้สมกับที่องค์สมเด็จพระทศพลบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้เมตตาสั่งสอนเอาไว้ ถ้าเป็นอย่างนี้ จึงจะได้ชื่อว่าท่านทั้งหลายไม่ประมาท ตามที่องค์สมเด็จพระบรมโลกนาถได้ตรัสเอาไว้ก่อนจะปรินิพพานว่า “วะยะธัมมา สังขารา อัปปามาเทนะ สัมปาเทถะ” ดังที่ได้ยกขึ้นเป็นนิกเขปบทในเบื้องต้น ซึ่งแปลความว่า สังขารเหล่านี้หาความเที่ยงไม่ได้ ขอท่านทั้งหลายจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-06-2015 เมื่อ 12:24
|