ถาม : ช่วงนี้เวลาเจอคนที่คุ้นหน้าหรือรู้จัก ผมจะไม่ค่อยอยากสบตา เพราะสบตาแล้วต้องมีการพูดคุยกัน ผมรู้สึกว่าไม่อยากคุยด้วย แต่ถ้าจะคุยก็คุยได้ และจะหาทางปลีกตัวเร็วที่สุด โดยเลือกที่จะไม่คุยดีกว่า ชอบที่จะอยู่คนเดียวในพื้นที่ซึ่งผมรู้สึกสบาย โดยไม่ค่อยอยากให้ใครที่มาคุยด้วยรบกวน แต่ก็ไปอยู่ในที่คนเยอะได้ โดยที่คนเหล่านั้นไม่รู้จักกัน ไม่ต้องมีการสื่อสารกัน
บ่อยครั้งมีเหตุการณ์ที่บางคนเข้าใจผมผิดไปจากความจริง โดยที่คิดไปเอง และก็เอาความเข้าใจผิดไปเล่ากับคนอื่น ๆ ผมก็ดันรู้และเห็นตลอด แต่ทำไมไม่อยากไปแก้ข่าวหรือไปปรับข้อมูลที่แท้จริงกับคนอื่น ๆ และก็สบายใจได้เองกับสิ่งที่เราไม่ได้เป็นแบบนั้น ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงวุ่นวาย โกรธ และร้อนที่จะไปโต้ตอบและบอกความจริงให้สะใจ
ช่วงนี้เห็นใคร ๆ บางทีเห็นเขาก็มีความสุข หรือดีใจมากกับการกระทำและการดำเนินชีวิตของเขา เช่น ได้แฟน ได้ทรัพย์สินที่ขวนขวายหามา และอื่น ๆ ทำไมผมรู้สึกทวนไปเองจากสิ่งที่เขาขวนขวายมาตั้งแต่ต้น แล้วรู้สึกสลด หดหู่ ทุกข์เวลาเห็นเขาดิ้นรนเพื่อให้ได้มา ไม่ได้รู้สึกยินดีไปในเรื่องราวของเขาเหล่านั้นเลย ทั้งหมดนี้ผมไปติดอะไรไหมครับ ? ดูเหมือนจะดี แต่ไม่กลมกลืน ไม่กลมกล่อมในการมีชีวิตอย่างไรก็ไม่รู้ครับ ?
ตอบ : ใกล้บ้าแล้ว..! ลองถามเพื่อนรอบข้างทุกคนดู..เขาว่าบ้าไหม ? การปฏิบัติของเราถ้าห่างโลกไปเรื่อย ๆ ก็เป็นการดี แต่อย่าลืมว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคม การที่อยู่ร่วมกับคนอื่นถือว่าเป็นเรื่องปกติ ทำอย่างไรที่เราจะปรับตัวเองให้โลกไม่ช้ำธรรมไม่เสีย อยู่ร่วมกับคนอื่นได้ในลักษณะของน้ำกลิ้งบนใบบอน ก็คือไม่ติดอยู่กับใบบอนหรือไม่ติดอยู่กับโลกนี้ แต่สามารถดำเนินชีวิตอยู่ได้
แสดงว่าโยมที่ถามมาเริ่มจะอยู่ในลักษณะของการเข้าถึงความสันโดษ ต้องการความวิเวก ปรารถนาการอยู่คนเดียว แต่ยังไม่สามารถที่จะปรับตัวให้กลมกลืนได้ เขาก็สามารถวิเคราะห์ตัวเองได้อยู่แล้ว พยายามปรับตัวหน่อยก็แล้วกัน
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-08-2015 เมื่อ 03:48
|