"ในเมื่อเป็นเรื่องของบุคคลที่เป็นปรมัตถบารมี คือกำลังใจขั้นสุดยอดถึงสามารถทำได้ แปลว่าเราทั้งหลายเป็นบุคคลที่ไม่เหมือนชาวบ้านชาวเมืองเขา แปลกแยกจากสังคม เขาไปเที่ยวกันจนกรุงเทพฯ ร้างเลย
เมื่อเช้าเขาส่งรูปมาให้ดู หมานอนอยู่บนถนนรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ทั้งอนุสาวรีย์ฯ มีรถอยู่ ๓ คัน นาน ๆ ทีหมาก็เลยไปนอนเต๊ะจุ๊ยอยู่กลางถนน เขาไปเที่ยวกันจนกรุงเทพฯ ร้าง แต่พวกเรามาปฏิบัติธรรม ในเมื่อเราแปลกแยกจากสังคมขนาดนี้ ใครเขาว่าบ้าก็ทน ๆ เอาเถอะ ยอมบ้ากับเขาชาติหนึ่ง ถ้าหลุดพ้นไปได้ก็เป็นอันว่าจบ ถ้าหลุดพ้นไม่ได้ เส้นทางของเราก็สั้นกว่าคนอื่นเขา
โบราณท่านบอกว่า “คนอื่นขี่ม้าอย่าไปอิจฉา เราขี่ลาดีกว่าคนเดินเท้าตั้งเยอะ” ม้าวิ่งเร็ว ขี่ลาได้แต่เดินก๊อก ๆ ไปเรื่อย ส่วนคนไม่มีอะไรจะขี่เลยไม่ว่า ยังไม่ได้เริ่มเดินทางอีกไม่รู้ตั้งเท่าไร เพราะฉะนั้น..ควรจะภูมิใจว่าเราเริ่มต้นมาไกลมากแล้ว นึกย้อนหลังไปสมัยก่อน ศีลสักสิกขาบทหนึ่งก็ไม่มี มาในสมัยนี้ของเราศีล ๕ ก็รักษาได้ อยู่ระหว่างปฏิบัติธรรมก็รักษาศีล ๘ ด้วย ความก้าวหน้ามีอยู่เห็น ๆ เพียงแต่ว่าบางทีเราตั้งเป้าไกลเกินไป จะเอามรรคผลจะเอาพระนิพพานเลย เมื่อยังไม่ถึงก็รู้สึกท้อใจทำไมไม่ได้สักที ไม่รู้ว่าเราเข้าใกล้ไปตั้งเท่าไรแล้ว
ต้องดูตัวอย่างชาวทิเบต เช้า ๆ ไปสวดมนต์ เดินทักษิณาวัตรรอบพระเจดีย์ ๑๐๘ รอบ ของเรารอบโบสถ์ ๑๐๘ รอบไหวไหม ? เขาทำอย่างนั้นกัน เดินสวดมนต์รอบพระเจดีย์ ๑๐๘ รอบ เสร็จแล้วก็ไปทำงาน เลิกงานตอนเย็นกลับมาเดินสวดอีก ๑๐๘ รอบ แล้วค่อยกลับบ้าน เดินไปมือหนึ่งหมุนกงล้อมนต์ไป หรือนับลูกประคำไป เขาว่านับลูกประคำเม็ดหนึ่งก็ใกล้พระนิพพานไปก้าวหนึ่ง หมุนกงล้อมนต์รอบหนึ่งก็ใกล้พระนิพพานไปก้าวหนึ่ง ของเราเองก็ใช้วิธีนับลมหายใจเข้าออก หายใจเข้าออกคู่หนึ่งก็ใกล้พระนิพพานไปก้าวหนึ่ง หายใจเข้าออกสองคู่ก็ใกล้พระนิพพานไปสองก้าว ต้องทำให้ได้อย่างเขา"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-08-2015 เมื่อ 18:03
|