ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 14-08-2009, 15:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,657
ได้ให้อนุโมทนา: 151,979
ได้รับอนุโมทนา 4,416,142 ครั้ง ใน 34,247 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น..เราต้องควบคุมศีลของเราให้อยู่ในกรอบ เพื่อรักษากายวาจาของเราให้มีกำลัง ไม่ไหลไปตามสภาพของทางโลก เพื่อเพาะสร้างกำลังให้เข้มแข็งจะได้ก้าวล่วงไปสู่แดนเกษมนั้นได้ เราต้องสร้างสมาธิให้เกิด เพื่อจะได้มีกำลังกาย กำลังใจ ในการที่จะฝ่าฟันข้ามพ้นทะเลทุกข์ เราต้องสร้างปัญญาให้เกิดเพื่อจะได้หลบหลีกก้าวข้ามความทุกข์ไปให้ได้

เมื่อศีล สมาธิ ปัญญาของเราทั้งหมดมุ่งหวังเพื่อความพ้นทุกข์ เราก็มาพิจารณาว่าจิตใจของเรา ปลดออกจากร่างกายซึ่งเป็นสาเหตุของความทุกข์นี้แล้วจริง ๆ หรือยัง ถ้ายัง...ติดอยู่ตรงจุดไหนบ้าง ยังรักอยู่หรือไม่ ยังโลภอยู่หรือไม่ ยังโกรธอยู่หรือไม่ ยังหลงอยู่หรือไม่ ถ้าหากยังมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดอยู่ ก็พยายามที่จะละมันเสีย อย่างเช่นละโลภด้วยการให้ทาน ละโกรธด้วยการรักษาศีลและเจริญพรหมวิหาร ละความหลงด้วยการเจริญสมาธิให้มีสติมั่นคงอยู่ตรงเฉพาะหน้า เป็นต้น

การปฏิบัติของเราที่มุ่งพ้นจริง ๆ ก็ให้เน้นเข้าหาอารมณ์พระอริยเจ้า คือ พระโสดาบันเป็นอย่างน้อย ทำความเคารพพระพุทธเจ้า พระธรรมและพระอริยสงฆ์อย่างจริงจัง ไม่ล่วงเกินด้วยกาย วาจา หรือใจ รักษาศีลทุกสิกขาบทให้สมบูรณ์บริบูรณ์ ไม่ละเมิดด้วยตัวเอง ไม่ยุงยงให้คนอื่นทำ ไม่ยินดีเมื่อคนอื่นทำ ท้ายสุดตั้งใจเอาไว้ว่าตายเมื่อไหร่ขอไปพระนิพพานที่เดียว

หลังจากนั้นเพื่อการประกันความเสี่ยง ก็ให้จับภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบนพระนิพพานเอาไว้ เอาจิตเกาะท่านให้มั่น อยู่กับลมหายใจเข้าออกของเรา ตั้งใจว่าเราตายเมื่อไรขออยู่กับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรงนี้ คืออยู่บนพระนิพพาน เมื่อถึงจุดนั้นแล้วเอาจิตปักมั่นอยู่ตรงจุดนั้น แล้วภาวนาให้สมาธิทรงตัว โดยการกำหนดระยะเวลาตามสมควรที่เหมาะ ที่ควรแก่ตัวของเราเอง

สำหรับตอนนี้ระยะเวลาในการปฏิบัติของเราซึ่งมีน้อยอยู่ ไม่เพียงพอ ก็ให้ทุกท่านตั้งใจรักษากำลังใจเอาไว้ โดยการแบ่งความรู้สึกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งกำหนดภาพพระ กำหนดลมหายใจหรือคำภาวนาไปด้วย อีกส่วนหนึ่งก็พร้อมที่จะทำหน้าที่การงานต่าง ๆ ตามสภาพร่างกายของเราไปด้วย ดังนั้นเมื่อทุกท่านค่อยคลายกำลังสมาธิออกมา แบ่งความรู้สึกส่วนหนึ่งอยู่กับคำภาวนาอยู่กับภาพพระของเรา ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามให้กำลังใจส่วนนั้น เกาะพระหรือเกาะคำภาวนาไว้เสมอ ส่วนที่เหลือเราก็ใช้ในการทำหน้าที่ของเรา อย่างเช่นการอุทิศส่วนกุศลในขณะนี้ของเรา เป็นต้น

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านอนุสาวรีย์
วันอาทิตย์ที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๕๒
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา