พระอาจารย์กล่าวว่า "เวลาไปงานศพให้นึกว่าต่อไปเราก็จะเป็นอย่างนั้น ถ้าความดีเราไม่พอ ต้องลงอบายภูมิ ก็จะลำบากเดือดร้อนสาหัสยิ่งกว่าตอนเป็นมนุษย์ ดังนั้น..เมื่อรู้ตัวว่าความตายจะมาถึง ก็เร่งปฏิบัติความดีในศีล สมาธิ ปัญญา ให้ยิ่ง ๆ ขึ้น แต่ส่วนใหญ่แล้วไปงานศพเหมือนกับไปงานแฟชั่น ขนาดชุดไปงานศพ เขายังแข่งกันแต่งบางราย ก็ไม่ได้ไว้หน้าคนตายเลย ใส่ชะเวิกชะวาก ประเภทสั้นเสมอหูก็มี ลำบากลำบนขนาดนี้แล้วจะแต่งไปทำไม ?
เห็นอยู่งานหนึ่ง งานนี้ผู้ตายคือพระครูเจ้าอาวาส แล้วลูกสาวที่ถือกระถางธูป เดินนำหน้าพระทั้งวัด นุ่งสั้นจนแก้มก้นโผล่ อย่ารู้เลยนะว่าวัดไหน ถ้าไม่มีชุดจริง ๆ ใส่กางเกงขายาวมาสักตัวก็ได้ เอาสีสุภาพ ๆ หน่อย คือถ้าใส่งานศพทั่ว ๆ ไปก็พอทน คนชอบมองมีอยู่ แต่นี่งานศพพ่อตัวเองที่เป็นเจ้าอาวาส เป็นพระครูสัญญาบัตร พระที่ร่วมงานเป็นร้อย ๆ ต้องเดินตามแม่เจ้าพระคุณที่โชว์แก้มก้นเดินอยู่ข้างหน้า ต้องบอกว่าไม่รู้กาลเทศะอย่างแรง เสียทีที่มีพ่อเป็นถึงพระครูเจ้าอาวาส"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-08-2015 เมื่อ 06:14
|