๗๑. พระธาตุชานหมาก
ความอัศจรรย์ต่าง ๆ ในพระพุทธศาสนานั้น มักปรากฏให้เห็นอยู่เนือง ๆ เช่น การเหาะเหินเดินอากาศ การย่นระยะทาง การแยกร่างบิณฑบาต เป็นต้น แต่นั่นเป็นเรื่องของปัจเจกบุคคล คือผู้ที่ทำบุญมาร่วมกัน ก็ได้เห็นเป็นการเฉพาะตน...
แต่ของที่สามารถพบเห็น และสัมผัสได้ด้วยคนหมู่มากก็มีอยู่ และยืนยงคงทนให้คนขี้สงสัยไปรู้เห็นด้วยตนเอง จะได้ไม่เป็นเรื่องคาใจที่ฟังแต่เขาเล่าว่า แต่อาตมาก็สงสัยว่ามันจะคาใจหนักขึ้น เพราะหาคำตอบไม่ได้มากกว่า...
โบราณท่านว่า คนเลวมันเลวจนเข้ากระดูกดำ อาตมารับฟังมาแต่เด็กแต่ก็เฉย ๆ มาภายหลังได้พบทั้งพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุจำนวนมาก จึงได้คิดว่าไม่ใช่คนเลวที่เลวจนกระดูกดำเท่านั้น
คนดีก็ดีจนกระดูกเป็นแก้วเช่นกัน...
การที่ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เมื่อมรณะแล้วกระดูกจะกลายเป็นพระธาตุหรือไม่ ขึ้นกับปัจจัย ๒ ประการ คือ
๑. อธิษฐานไว้ให้เป็น ท่านต้องการจะทิ้งสัญลักษณ์ เอาไว้ให้คนรุ่นหลังได้กราบไหว้บูชา ก็จะอธิษฐานให้กระดูกเป็นพระธาตุ
๒. พระท่านช่วยสงเคราะห์ เพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวกำลังใจของคนหมู่มาก องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็จะบันดาลให้กระดูกของท่านนั้น ๆ เป็นพระธาตุ
บางท่านอาจจะคิดว่า พระท่านต้องมรณภาพและเผาแล้ว กระดูกถึงจะเป็นพระธาตุ ถ้าท่านคิดเช่นนั้นอาตมาขอบอกว่าคิดผิด เพราะอาตมาเคยพบเห็นมาด้วยตนเองว่า พระธาตุนั้นปรากฏขึ้นได้ แม้ว่าท่านผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบยังมีชีวิตอยู่ ตัวอย่างคือ
หลวงปู่มหาอำพัน (พระภาวนาปัญญาวิสุทธิ์) วัดเทพศิรินทราวาส เกศาของท่านกลายเป็นไข่มุกเล็ก ๆ สีขาวนวล นับร้อยนับพันองค์ หลวงปู่อนุญาตให้อาตมานำไปเท่าใดก็ได้ แต่อาตมาสำนึกตัวว่าเก็บของดีขนาดนี้ไม่อยู่แน่ จึงไม่ได้นำมาเลย...!
หลวงพ่อฤๅษี (พระราชพรหมยาน) วัดท่าซุง เกศาของท่านที่ผู้อื่นเก็บไว้บูชากลายเป็นพระธาตุ อาตมาไปดูของตัวเองบ้าง เห็นรวมตัวกันเป็นก้อน ที่ยอดบนสุดขมวดปลายแหลมไว้นิดหนึ่ง ตรงยอดแหลมนั่นเองปรากฏพระธาตุอยู่ ๑ องค์... พระธาตุเกศาหลวงพ่อนี้ อาตมามอบให้
นัน (นันฑิญา เหลืองถาวรกุล) ไปบูชา พอไปถึงบ้านของนัน ท่านก็แสดงปาฏิหาริย์ให้ดู เป็นแสงระยิบระยับเหมือนกับหิ่งห้อยบินวนเวียนเต็มไปหมดทั้งห้อง...!
ส่วนพระธาตุของหลวงปู่-หลวงพ่อต่าง ๆ ที่ปรากฏขึ้นหลังจากเผาแล้ว มีมากมายหลายองค์ ส่วนใหญ่เป็น
อัฐิธาตุ (กระดูก) น้อยรายที่เป็น
ทันตธาตุ (ฟัน) หรือเป็น
เกศาธาตุ (ผม) นอกเหนือยิ่งไปกว่านี้ ยังไม่เคยปรากฏมีมาก่อนในประวัติศาสตร์... แต่กฏทุกกฏย่อมมีข้อยกเว้น บัดนี้ปรากฏว่ามีสิ่งนอกเหนือกว่านั้นกลายเป็นพระธาตุแล้ว เนื่องจาก
หลวงพ่อพระราชพรหมยานท่านไม่เคยไว้วางใจตนเองเลย แม้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะทรงพยากรณ์ที่สุดของความดีแล้วก็ตาม...
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงมีรับสั่งว่า เพื่อความมั่นใจในมรรคผลของหลวงพ่อ
พระองค์จะบันดาลให้สิ่งของ ๓ สิ่ง ที่เกี่ยวข้องกับหลวงพ่อให้เป็นพระธาตุ เพื่อยืนยันในความดี อย่างแรกที่เป็นพระธาตุคือเกศาของหลวงพ่อ ดังที่กล่าวมาแล้ว...
ต่อมาไม่นาน ทาง
ศูนย์พุทธศรัทธาท่าลาน ซึ่งมี
คุณชนะ สิริไพโรจน์ เป็นหัวหน้าคณะ ก็แจ้งข่าวมาว่า
ชานหมากของหลวงพ่อกลายเป็นพระธาตุแล้ว พวกเราที่พบเห็นต่างอัศจรรย์ใจเหลือที่จะกล่าว... เพราะตั้งแต่โบราณจวบจนปัจจุบัน กล่าวได้ว่าไม่เคยมีมาก่อนเลย ที่สิ่งของซึ่งห่างไกลจากขันธ์ห้าจนปานนี้ จะกลายเป็นพระธาตุ พวกเรากราบไหว้บูชาด้วยปิติเหลือขนาด พลางชมความงามอันมหัศจรรย์ และจดจำบันทึกไว้ในดวงจิต...
ส่วนที่เป็นพระธาตุแล้วเป็นแก้วสีแดงสดใสเหมือนทับทิม ส่วนที่ยังไม่เป็นก็เป็นสีเขียวของหมากพลูอยู่ บางชิ้นก็เป็นแก้วครึ่งหนึ่งเป็นพลูครึ่งหนึ่ง ดูครึ่งเขียวครึ่งแดง งดงามพิสดารบอกไม่ถูก เห็นปุ๊บก็เชื่อได้เลยว่าของแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์...!
ปกติแล้วหลวงพ่อท่านไม่เคยคายชานหมากเลย พอเคี้ยวแหลกท่านจะกลืนลงไปหมด เพื่อรักษาโรคทางท้อง มีคราวเดียวที่คายออกมาและกลายเป็นพระธาตุ ซึ่งท่านบอกว่า “
ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงต้องคายเอาไว้...”
ต่อมาชานหมากที่ท่านตำแจกก็ดี หางพลูที่ท่านโยนให้ยามฉันหมากก็ดี ต่างกลายเป็นแก้วด้วยกันทั้งนั้น
ของที่ห่างไกลหลวงพ่อจนปานนี้ยังกลายเป็นแก้วได้ แล้วดวงจิตที่อยู่ภายในของหลวงพ่อนั้น จะเป็นดวงแก้วที่สว่างไสวถึงปานใดหนอ...?
๓๐ กันยายน ๒๕๓๕
พระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ