29-11-2015, 15:49
|
|
ผู้ตรวจการณ์เว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
|
|
วันที่สมัคร: Jun 2009
ข้อความ: 4,928
ได้ให้อนุโมทนา: 275,123
ได้รับอนุโมทนา 847,653 ครั้ง ใน 13,006 โพสต์
|
|
ตัวโบสถ์และหอระฆังของมหาวิหารเมืองฟลอเรนซ์ (ภาพจากอินเตอร์เน็ต)
ในเมื่อมัคคุเทศก์อุตส่าห์เรียกตรงนี้ว่าประตูสวรรค์ (Gate of Paradise) อาตมาจึงตั้งใจดูหน่อย เห็นภายในรั้วที่กั้นไว้ไม่ให้คนเข้า เป็นเสาหินอ่อนกระหนาบกรอบประตูสัมฤทธิ์สีเขียวเข้ม ที่กรอบประตูมีลายดอกไม้หล่อแบบนูนต่ำ ตัวบานประตูถูกซอยออกเป็นช่อง ๆ ด้วยสัมฤทธิ์เขียว จนดูเหมือนขั้นบันไดข้างละ ๕ ช่องด้วยกัน เป็นภาพเหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ ทางคริสตศาสนาที่สลักเสลาไว้ในแผ่นทองเหลืองขัดเงาเป็นภาพกึ่งลอยตัว ข้าง “ขั้นบันได” ที่เป็นสัมฤทธิ์เขียว เป็นแผ่นทองเหลืองขัดเงาสลักเป็นรูปศีรษะ และรูปคนเต็มตัว ไม่ทราบว่าเป็นนักบุญหรือกษัตริย์ ยาวเกือบเต็มความสูงของประตู ขอบบนล่างของประตู เป็นแผ่นทองเหลืองที่วางขวางสลักลวดลายเช่นกัน ความแยบยลอยู่ที่การวางกรอบที่ไม่ได้ขัดเงา ให้ตัดกับภาพที่ขัดเงาจนดูเด่นสะดุดตา...
แม้ว่าฝีมือในการรังสรรค์ประตูบานนี้จะยอดเยี่ยม แต่ถ้าจะให้เรียกตรงนี้ว่าประตูสวรรค์อาตมายังไม่ยอมรับนับถือ ตัวประตูสวรรค์จริง ๆ น่าจะเป็นที่โบสถ์มากกว่า อาคารมหึมาหลังนี้แบ่งออกเป็นสามส่วน แต่ละส่วนประกอบด้วยประตูสัมฤทธิ์บานมหึมา ซึ่งประกอบด้วยเสาหินอ่อน “ครึ่งซีก” ที่เป็นทั้งเสาเรียบสลักรูปลอยตัวและเสาเกลียว ที่หายากก็คือหินอ่อนนั้นมีทั้งสีขาว สีเขียว และสีชมพู สูงขึ้นไปจากบานประตูที่เหมือนกับเป็นชั้นที่สอง เป็นซุ้มแบบโกธิคที่มีภาพวาดสีสันสดใส ขนาบข้างด้วยซุ้มรูปสลักหินอ่อนลอยตัวของนักบุญต่าง ๆ นำไปสู่ส่วนบนที่เป็นปลายแหลมครอบซุ้มไว้ นั่นคือหน้าต่างวงกลมที่มักจะประดับกระจกสี ที่เป็นงานฝีมือเลื่องชื่อของยุคเรเนสซองส์...
ปลายแหลมของซุ้มกลางและหน้าต่างวงกลมประดับกระจกสีของซุ้มข้าง นับเป็นชั้นที่สามของตัวโบสถ์ ส่วนชั้นที่สี่นั้นเป็นซุ้มหินอ่อนสลักรูปนักบุญยืนเต็มองค์ ไม่ทราบว่าตั้งใจหรือไม่ เพราะว่ามีอยู่ทางซ้าย ๓ องค์ ทางขวา ๓ องค์ ตรงกลาง ๗ องค์ ซึ่งไม่ใช่ตัวเลขที่เป็นมงคลเลย แต่ถ้านับองค์กษัตริย์และพระราชินีตรงซุ้มกลางแยกกัน ก็จะเป็น ๑๔ องค์ ตัวโบสถ์ช่วงซ้ายขวาสิ้นสุดลงเป็นหลังคาตัดเพียงเท่านี้ เหลือตรงกลางที่ยื่นสูงขึ้นไปเป็นชั้นที่ ๕ ซึ่งเป็นหน้าต่างวงกลมประดับกระจกสีขนาดใหญ่มหึมา แล้วไปสิ้นสุดลงที่เสาคู่สลักเสลาลวดลายกระหนาบหน้าบันของจั่วหลังคาโบสถ์ที่มีสายล่อฟ้าติดอยู่ จากนั้นช่วงที่ลึกถัดเข้าไปจึงเป็นโดมขนาดมโหฬาร จนได้ชื่อว่าเป็นโดมซึ่งใหญ่ที่สุดในยุโรป ความละเอียดลออของงานฝีมือระดับสุดยอด ลายละเอียดที่ประณีตงดงาม และการจัดวางที่ลงตัวอย่างเหมาะเจาะนี่ต่างหาก ที่น่าจะเป็นประตูสวรรค์ของจริง...
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-11-2015 เมื่อ 19:56
|