พระอาจารย์กล่าวว่า "โดยปกติแล้วหลังการจัดงานวัด อาตมาจะอาศัยเวลาทำวัตรค่ำวันนั้น สรุปและประเมินผลการจัดงานว่ามีอะไรผิดพลาดที่ต้องแก้ไขบ้าง
เมื่อวานนี้ข้อผิดพลาดใหญ่ที่เห็นก็คือคน โดยเฉพาะแม่งานก็คือคุณชยาคมน์ พลาดตรงที่ไม่กล้าตัดสินใจ คนมาแน่นขนาดนั้นต้องเปิดบ้านให้เขาขึ้นเลย ไม่อย่างนั้นจะระบายคนไปทางไหน ? เขาให้คนวิ่งมาถาม อาตมาก็เลยไม่ตอบ โทษฐานที่ตัดสินใจไม่ได้ ท้ายสุดก็ไม่ยอมตัดสินใจอีก อาตมาจึงต้องเปิดบ้านเอง
ถ้าหากว่าเป็นแม่งานต้องกล้าตัดสินใจ สมัยอยู่วัดท่าซุง หลวงพ่อตั้งคณะกรรมการสงฆ์ ๑๒ รูป ให้ดำเนินการแทนท่าน ให้อำนาจถึงขนาดว่า ถ้ากรรมการสงฆ์ ๒ ใน ๓ มีมติขับไล่ท่านออกจากวัด ท่านก็จะไป แต่ก็ไม่มีใครกล้าตัดสินใจสักคน ไม่ว่าเรื่องอะไรท้ายสุดก็ต้องให้หลวงพ่อท่านตัดสินใจ แล้วท่านจะตั้งคณะกรรมการสงฆ์ไว้ทำอะไร ?
ท้ายสุดพออาตมาไปถวายการรับใช้หลวงพ่อ อะไรที่มั่นใจว่าทำแล้วไม่พลาดแน่ จะตัดสินใจทำแทนท่านไปเลย เพราะฉะนั้น...ช่วงสี่พรรษาสุดท้ายก่อนที่หลวงพ่อท่านจะมรณภาพ ท่านก็เลยเรียกใช้อาตมาอยู่คนเดียว เพราะอาตมา "กล้ารับผิด" พูดง่าย ๆ ว่าถ้าพลาดยอมแม้กระทั่งให้หลวงพ่อไล่ออกจากวัด แต่จะพยายามให้งานไปถึงท่านให้น้อยที่สุด เพื่อถนอมสังขารของท่านเอาไว้ให้นานที่สุด ก็เลยเป็นคนที่กล้าตัดสินใจและค่อนข้างที่จะเผด็จการ
ส่วนใหญ่แล้วคนเรามักจะกลัวผิดกลัวพลาด ถนัดรับแต่ชอบ ไม่รับผิด ถ้ามีคนตัดสินใจแทนก็จะทำงานแบบสบายใจ ฉะนั้น...คนที่จะตัดสินใจรับผิดจึงหาได้ยาก ต่อไปถ้ารักที่จะทำอะไรโปรดรับผิดเสียบ้าง แล้วงานทุกอย่างจะไปได้ดีขึ้นกว่านี้ ถ้าเป็นแม่งานก็ไม่ต้องเกรงใจใครแล้ว แม้แต่เจ้าของบ้านก็ออกไปห่าง ๆ เลย ต้องตัดสินใจได้ทุกเรื่อง ไม่ใช่วิ่งมาถามทุกเรื่อง ถ้ามาถามทุกเรื่องอาตมาก็เป็นแม่งานเอง ไม่ใช่คนอื่นเป็น"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-01-2016 เมื่อ 17:30
|