ถาม : ถ้าคน ๆ หนึ่ง เขาเข้าใจว่าทุกอย่างเกิดมาเป็นทุกข์ เขาภาวนาและสามารถลดความทุกข์ลงได้ระดับหนึ่ง แล้วเป็นกำลังใจอยู่ต่อไปเพื่อคนอื่น อย่างนี้จะเป็นมิจฉาทิฐิไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าตั้งใจเกิดเพื่อช่วยคนอื่นก็เป็นกำลังใจของพระโพธิสัตว์ แต่คราวนี้คำว่าทุกข์ที่คุณว่ามา คุณต้องเข้าใจว่าทุกข์มีหลายอย่าง ทุกข์โดยสภาพก็คือเกิดมาแล้วต้องแก่ ต้องเจ็บ ต้องตาย ทุกข์เนืองนิตย์ อย่างเช่น เจ็บป่วย หนาวร้อน หิวกระหาย ทุกข์ที่เป็นไปตามสภาวะของร่างกาย หรือว่าทุกข์ที่มาบีบคั้น สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นคนละอย่างคนละสภาพกัน
ที่คุณบอกว่าผู้ที่ปฏิบัติธรรมสามารถลดความทุกข์ได้ ส่วนใหญ่ก็คือความทุกข์ทางใจ เพราะว่าตนเองสามารถปล่อยวางได้ ส่วนความทุกข์ทางกาย ทุกข์ตามสภาพ ทุกข์เนืองนิตย์ ท่านก็ไม่ไปดิ้นรนกับทุกข์นั้น คนที่อยู่ในกรงขังถ้าไม่ดิ้นรนมาก ก็ไม่ถลอกปอกเปิกเหมือนกับไปคนที่ดิ้นมากหรอก ทั้งที่ดิ้นไปก็ไม่พ้น ในเมื่อเห็นอยู่แล้วว่าต้องรอจนประตูกรงเปิดให้ถึงจะพ้น ก็ไม่ไปเสียเวลาดิ้นหรอก นั่งรอเวลาไป ก็คือตายพ้นไปเมื่อไร ตูก็ไม่ไปยุ่งกับเรื่องแบบนี้อีก
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-02-2016 เมื่อ 02:42
|