พระอาจารย์กล่าวว่า "วันนี้อยากตั้งข้อสังเกตว่า ตอนช่วงเช้าเราปฏิบัติธรรมได้ดีมากเพราะอดนอนมา ทำให้เราต้องตั้งสติมากกว่าปกติ ทำอย่างไรที่เราจะตั้งสติให้ได้แบบนั้น แบบเดียวกับเวลาพระบิณฑบาต พรุ่งนี้ก็จะบิณฑบาตตามปกติ ที่บ้านหังสเนตร ด้านหน้าบ้านของเขาปูกระเบื้องทั้งหมด แล้วเป็นกระเบื้องที่ลื่นมากเพราะไม่ใช่กระเบื้องที่ปูไว้สำหรับเดิน ความจริงเป็นกระเบื้องปูผนังมากกว่า แต่เขาเอามาปูพื้น ถ้าฝนตกพรำ ๆ จะลื่นมาก เวลาพระเดินไปก็ต้องระวังสุดชีวิต ตั้งสติ ค่อย ๆ เดินทีละก้าวเพราะกลัวลื่นล้ม อาตมาเคยปรารภว่า “แล้วทำไมเวลาอื่นไม่ตั้งสติแบบนั้น เพราะจะได้ผลเหมือนกัน” จะได้ผลเท่ากัน ถ้าเราตั้งสติได้
สมัยที่อยู่ที่เกาะพระฤๅษีใหม่ ๆ ตอนนั้นพื้นที่เกาะยังเป็นป่า วัวลงมากินน้ำ อาตมาเห็นแล้วอายวัว เวลาวัวเดินมา ย่างเท้าลงไปทีละก้าว แล้วกด ๆ ๆ จนมั่นใจว่าไม่ยุบแน่แล้ว จึงเดินก้าวที่สองต่อ ค่อย ๆ ลง แตะพื้น ลงหนอ ถูกหนอ กดหนอ สติดีกว่าเราอีก เพราะถ้าวัวติดหล่มก็จะขึ้นไม่ได้ แล้วก็มักจะตาย ทำให้วัวมีสัญชาตญาณ เวลาเดินขึ้นลงบริเวณลำห้วยเพื่อลงไปกินน้ำ ก็จะหยั่งแล้วหยั่งอีก กดแล้วกดอีก ว่าพื้นที่นั้นรับน้ำหนักตัวได้หรือไม่ ? ตอนนั้นอาตมาดูแล้วก็ถอนใจ เพราะฝึกเดินจงกรมมาตั้งหลายปีแล้วสู้วัวยังไม่ได้เลย โชคดีที่เป็นวัว ถ้าเป็นควายจะต้องอายมากกว่านี้...!
นี่คือสิ่งที่ตั้งข้อสังเกต ฉะนั้น...ถ้าใครอยากจะปฏิบัติธรรมให้ดี คืนนี้ก็เล่นไลน์ยันสว่างไปเลย พอพรุ่งนี้ง่วงขึ้นมาก็ต้องตั้งสติ ระวังกลัวว่าจะล้ม นี่อาตมาสอนผิดหรือเปล่า...!"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-02-2016 เมื่อ 16:25
|