"ฌานสมาบัติทุกรูปแบบ แม้ว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของรูปราคะและอรูปราคะก็ตาม นั่นเกิดจากการที่เราใช้ผิด ยึดผิด ถ้าหากว่าทรงฌานทรงสมาบัติได้ ตั้งใจเอามาละกิเลสก็ดี หรือท่านที่สามารถใช้มโนมยิทธิได้ ส่งกำลังใจของเราไปเกาะพระนิพพานไว้ก็ตาม ถือว่าเราไม่ใช่ผู้ที่ติดในรูปราคะและอรูปราคะซึ่งเป็นสังโยชน์ แต่เป็นการใช้สิ่งที่เกิดโทษให้เป็นประโยชน์ เหมือนกับของสกปรกมีโทษ เราไม่ต้องการ ไม่มีใครต้องการ แต่เราสามารถนำไปเป็นปุ๋ย เพาะให้พืชพันธุ์ต่าง ๆ งอกงามเป็นอาหารได้ เป็นร่มเงาได้ เป็นสิ่งบันเทิงใจให้ความสวยงามได้
ดังนั้น...หน้าที่ของเราทั้งหลาย จริง ๆ แล้วก็คือ ควรที่จะพยายามสร้างฌานสมาบัติให้เกิด แล้วรักษาเอาไว้ให้ได้ และใช้ในการตัดกิเลสให้ถูกทาง พวกเราส่วนใหญ่มาถึงช่วงท้ายแล้ว เพียงแต่คลำไม่ถูกว่าจะไปอย่างไร หลายท่านก็ใช้เวลาหลายสิบปีในการที่พยายามเสาะหาลูบคลำมา อาตมาเองบางทีก็ทำมามากกว่าโยม เพราะว่าเริ่มตั้งแต่เด็ก อายุ ๑๖ ปี ก็ทุ่มเทให้กับการปฏิบัติอย่างเอาเป็นเอาตาย ชนิดไม่กินไม่นอนก็ได้ ขอให้ได้ปฏิบัติ ตอนนี้อายุ ๕๗ ปี ก็แปลว่าเริ่มเข้าปีที่ ๔๑ แล้ว มากกว่าอายุของญาติโยมหลายคน ถ้าได้อะไรมากกว่าก็ไม่ถือว่าแปลก"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-02-2016 เมื่อ 13:22
|