"ท่านเล่าว่าสมัยนั้นผ้าหายาก แต่คราวนี้ท่านเป็นนักเทศน์ เป็นธรรมเนียมว่าใครเป็นเจ้าภาพนิมนต์เทศน์ จะต้องถวายไตรใหม่หนึ่งไตร นักเทศน์ก็เลยค่อนข้างจะสบาย มีผ้าใหม่นุ่ง
มีอยู่วันหนึ่งท่านไปเทศน์แถวสมุทรสาคร แจวเรือไป ก่อนขึ้นธรรมาสน์เจ้าภาพก็ถวายผ้าไตร ท่านก็ไปเปลี่ยนผ้าไตรฉลองให้เขา พอขึ้นธรรมาสน์แล้วนั่งลง เสียงดังคว่าก..! สบงขาดยาวสองคืบกว่า ท่านบอกว่าดีที่ขาดแต่สบง ถ้าจีวรขาดด้วยคงได้อับอายขายหน้าชาวบ้านเขาแน่
เนื่องจากว่าผ้าหายาก โยมก็เลยหาผ้าเก่ามา แล้วก็เอามาย้อมใหม่ ท่านก็คิดว่าผ้าใหม่จึงครองขึ้นไปอย่างเท่เลย ผ้าเก่าเปื่อยแล้วพอนั่งลงก็ขาด
หลวงพ่อท่านเจอผ้าขาดบนธรรมาสน์ แต่อาตมาเจอธรรมาสน์พัง..! ตอนนั้นไปเทศน์งานศพที่วัดหนองอุโลก อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี ด้วยความเคยชินพอขึ้นธรรมาสน์ก็ต้องคุกเข่าลงก่อน คุกเข่าลงไปข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างหนึ่งยันอยู่กับโต๊ะเตี้ยที่เขาวางให้ขึ้นธรรมาสน์ พอทิ้งน้ำหนักลงเข่าขวา ธรรมาสน์หักดังกร๊อบ..! ยังโชคดีว่าอีกเท้าหนึ่งยังยืนอยู่ ก็เลยยั้งตัวอยู่ได้
โยมเขาบอกว่า ไม่มีพระเทศน์มาสามสิบกว่าปีแล้ว เก็บธรรมาสน์ไว้เฉย ๆ ไม่นึกว่าจะผุ ท้ายสุดเขาก็เลยเปลี่ยนเป็นเตียงไม้หลังเบ้อเริ่มเลย ยกมาวางกลางศาลาให้อาตมานั่งเทศน์แทนธรรมาสน์ ฉะนั้น...พระอาจารย์ขึ้นไปสบงขาดบนธรรมาสน์ ส่วนลูกศิษย์ทำธรรมาสน์เขาพังทั้ง ๆ ที่ผอมกะหร่อง"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-03-2016 เมื่อ 02:24
|