ถาม : อรูปฌานกับวิปัสสนาญาณใกล้เคียงกันมาก การที่เราได้เห็น ได้รู้ ได้เข้าใจในความไม่มีตัวตน เช่น ผู้ชาย พ่อ ซึ่งเป็นวิปัสสนาญาณ ถ้าคนที่จะได้อรูปฌานต้องได้รูปฌานสี่ก่อน คนที่ได้วิปัสสนาญาณต้องได้อรูปฌานก่อนหรือเปล่าจึงจะสามารถเป็นวิปัสสนาญาณได้ ?
ตอบ : เอาทีละอย่าง ของคุณไปไกลเกินไปแล้ว เรื่องของรูปฌานไม่จำเป็นต้องได้กสิณก็ได้ ใช้อานาปานสติอย่างเดียวก็สามารถเข้าถึงรูปฌานได้ แต่ถ้าต้องการจะทำอรูปฌานต้องได้กสิณกองใดกองหนึ่งในกสิณ ๑๐ ที่ไม่ใช่อากาสกสิณ เสร็จแล้วเพิกภาพกสิณนั้นเสียถึงจะกลายเป็นอรูปฌาน คราวนี้คำถามต่อไป
ถาม : ทีนี้วิปัสสนาญาณที่เห็นภาวะของอนัตตา จำเป็นต้องได้รูปฌานก่อนหรือเปล่า ?
ตอบ : การปฏิบัติ ถ้าหากว่าเป็นฌานสมาบัติแล้วนำมาพินิจพิจารณาวิปัสสนาญาณ จนกระทั่งสามารถปลดใจตัวเองออกได้ ไม่ยึดเกาะอะไร ๆ ทั้งปวง เขาเรียกว่าบรรลุโดยเจโตวิมุติ ใช้สมถะนำหน้า
แต่ถ้าพิจารณาวิปัสสนาญาณมาก่อน จนกระทั่งกำลังใจค่อย ๆ ทรงตัวกลายเป็นสมาธิขึ้นมา แล้วสามารถละวางทุกอย่างลงได้ เขาเรียกว่าปัญญาวิมุติ คือหลุดพ้นด้วยปัญญา
แต่ทั้งสองแบบจะต้องมีอำนาจของสมาธิเป็นพื้นฐาน ก็คืออย่างหนึ่งเริ่มจากสมาธิแล้วไปใช้ปัญญา อีกอย่างหนึ่งเริ่มจากปัญญาพิจารณาไปจนกระทั่งกลายเป็นสมาธิ คนส่วนใหญ่จะไปเข้าใจว่าฝ่ายปัญญาวิมุตินั้น บรรลุโดยไม่มีสมาธินั้นเป็นไปไม่ได้ เพราะถ้าไม่มีกำลังของสมาธิจะไม่สามารถตัดกิเลสได้ เพียงแต่ท่านพิจารณาจนจิตดิ่งลึกไปเรื่อย ๆ แล้วทรงตัวเป็นสมาธิไปเอง
ถาม : ปัญญาวิมุตติไม่จำเป็นต้องได้อรูปฌานก่อน ?
ตอบ : ไม่จำเป็น จะเป็นปัญญาวิมุติหรือเจโตวิมุติก็ไม่จำเป็นที่จะต้องฝึกกสิณ แต่ว่าเรื่องของสมาธิต้องได้ ต่ำสุดต้องเป็นปฐมฌานขึ้นไป ไม่อย่างนั้นเข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้าไม่ได้ เพราะกำลังไม่พอตัดกิเลส
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-03-2016 เมื่อ 03:34
|