พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของศาสนาอื่นจะทำลายศาสนาพุทธเป็นของยาก เพราะศาสนาพุทธเป็นของจริง แต่คราวนี้พระภิกษุสามเณรในพระศาสนาเราได้ปฏิบัติจริงหรือยัง ? ถ้ายังปฏิบัติไม่จริงจัง ถึงเวลาเป็นที่พึ่งให้แก่ญาติโยมไม่ได้ เป็นที่พึ่งให้แก่ตนเองไม่ได้ ไม่ต้องให้ใครเขามาทำลายหรอก ตัวเรานั่นแหละที่ทำลายตัวเราเอง..!
เมื่อบวชเข้ามาแล้ว จะบวชด้วยเจตนาเพื่อความหลุดพ้น บวชหนีสงสาร บวชผลาญข้าวสุก บวชสนุกตามเพื่อน อกหัก หลักลอย คอยงาน สังขารเสื่อม เอือมเจ้านาย ยายให้บวชแก้บนก็ตาม พอบวชเข้ามาแล้วก็ต้องเล่นให้สมบทบาท
บทบาทของเราก็คือพระภิกษุสงฆ์ในพุทธศาสนา ถึงเวลาเราก็มานั่งสวดมนต์ “บรรพชิตพึงพิจารณาเนือง ๆ ว่า ขณะนี้เรามีเพศต่างจากคฤหัสถ์แล้ว กิริยาอาการใด ๆ ที่เป็นของสมณะ เราต้องทำกิริยาอาการนั้น ๆ” “บรรพชิตพึงพิจารณาเนือง ๆ ว่า การเลี้ยงชีวิตของเราเนื่องด้วยผู้อื่น เราควรทำตนให้เขาเลี้ยงง่าย” ว่าไปเรื่อยจนกระทั่งถึง “บรรพชิตพึงพิจารณาเนื่อง ๆ ว่า คุณวิเศษของเรามีอยู่หรือไม่ ? เพื่อจะได้ไม่เก้อเขินเมื่อเพื่อนสหธรรมิกไต่ถาม”
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-03-2016 เมื่อ 02:38
|