ดูแบบคำตอบเดียว
  #18  
เก่า 27-04-2016, 13:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "สมัยก่อนบวชก็ดี บวชใหม่ ๆ ก็ตาม ไม่เคยคิดว่าจะต้องมานั่งรับศรัทธาญาติโยมอย่างนี้ ความตั้งใจตั้งแต่สมัยฆราวาสก็คือ ในชีวิตฆราวาส สะพายเป้ใบหนึ่งก็ร่อนเร่ไปเรื่อย เงินหมดที่ไหนหางานทำที่นั่น ได้เงินก็ไปต่อ พอบวชเป็นพระก็ตั้งใจว่าจะธุดงค์ไปเรื่อย ๆ แต่ปรากฏว่าโอกาสที่จะออกป่าธุดงค์มีน้อยมาก เพราะว่าอยู่วัดใหญ่ คนมาก แล้วบุคคลที่สามารถทำงานให้มีความคล่องตัว เป็นไปด้วยดี ก็หายาก

เคยวางแผนธุดงค์ครั้งใหญ่ ว่าจะเริ่มจากจังหวัดเชียงราย ข้ามด่านเมืองเงินเข้าไปในลาวเหนือ แล้วก็เลาะลงมาลาวใต้ เข้ากัมพูชา ออกเวียดนามใต้ ขึ้นเวียดนามเหนือ เข้าประเทศจีน แล้วหลังจากนั้นก็มาทิเบต เนปาล อินเดีย พม่า วนกลับไทย ทุกวันนี้แผนยังเป็นแผนอยู่ เพราะว่าโอกาสที่จะไปไม่มี

การธุดงค์ของพระมี ๒ แบบ แบบแรกก็คือเดินไปหาที่สงบ เหมาะแก่ใจตนเอง แล้วก็ปฏิบัติภาวนาที่นั่น อีกแบบก็คือเดินไปภาวนาไป แล้วอาตมาถนัดแบบที่ ๒ เพราะฉะนั้น...แรก ๆ ก็ยังมีคนที่จะตามไปธุดงค์ด้วย พอโดนลากวันหนึ่ง ๔๐-๕๐ กิโลเมตร ถ้าวันไหนจำเป็นก็อาจจะถึง ๙๐ กิโลเมตร หลังจากนั้นคนติดตามก็หายไปทีละคนสองคน แล้วก็ไม่มีใครไปด้วยเลย จึงต้องไปคนเดียว

พอไปเจอพระในป่าท่านก็ถามว่า “ทำไมอาจารย์มาคนเดียวครับ ?” ไม่รู้ว่าจะตอบท่านอย่างไร เพราะพูดไปก็เหมือนกับเราเก่ง เลยบอกว่า “ไปคนเดียวเวลาเจออะไรที่ต้องวิ่งหนีก็วิ่งได้ ไม่ต้องอายใคร”
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-04-2016 เมื่อ 21:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 104 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา