ถาม : เวลาเราสวดภาวนา เราต้องพยายามคิดว่า เราจะไม่หวังอะไรหรือคะ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าตอนแรกหวังก็คือหวัง แต่ถ้าว่าสวดภาวนาไปเรื่อย ๆ สมาธิเริ่มทรงตัว เรื่องนั้นจะลืมไป จะจดจ่ออยู่กับงานเฉพาะหน้าเท่านั้น
ถาม : ไม่ค่อยรู้ความหมายของบทสวดมนต์ ก็เลยไม่ค่อยอยากสวดมนต์ ?
ตอบ : กิเลสกลัวเราจะไปจากมัน เลยทำให้เราไม่อยากจะทำ ปกติสวดมนต์ก็คือสวดมนต์ ถ้าอยากรู้ความหมายไปศึกษาเวลาอื่น ไม่ใช่ศึกษาตอนสวดมนต์
ถาม : ก็คือสวดเราไม่ต้องแปลหรือคะ ?
ตอบ : ว่ายาวไปเลย สวดมนต์สร้างสมาธิให้เกิดก่อน หลังจากสวดมนต์เสร็จค่อยไปแปลเอาความหมาย
ถาม : อย่างนี้ถ้าเราแปล เรียกว่าเป็นวิปัสสนาหรือเปล่า ?
ตอบ : มะเหงกแน่ะ...! ถ้าเป็นวิธีการปฏิบัติทั่ว ๆ ไป ก็เป็นสมถกรรมฐานล้วน ๆ แต่ถ้ากล่าวถึงวิปัสสนา เราพิจารณาตามแล้วเห็นจริงตามนั้นจึงเป็นวิปัสสนา ถ้ายังไม่เห็นจริงตามนั้นก็ยังเป็นวิปัสสนึกเท่านั้นแหละ
ถาม : ก็แสดงว่าวิปัสสนามีบุญมากกว่า ?
ตอบ : อยู่ที่ว่าเราทำเพื่ออะไร โดยปกติขอให้เริ่มลงมือทำเท่านั้น ก็เป็นส่วนของบุญกุศลอยู่แล้ว แต่สำคัญตรงสุดท้ายในส่วนของวิปัสสนาทำให้เราหลุดพ้นจากกองกิเลสได้ ถ้าวิปัสสนาจะมีบุญมากกว่า ก็ตอนหลุดพ้นจากกองกิเลสได้ แต่ถ้าลงมือทำก็ราคาเท่ากัน
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
|