พระอาจารย์กล่าวว่า "บทสวดอุทิศส่วนกุศล ‘อิมินา ปุญญะกัมเมนะ อุปัชฌายา คุณุตตะรา อาจะริยูปะการา จะ มาตาปิตา จะ ญาตะกา’ หลายวัดโดดไป ‘สุริโย จันทิมา ราชา คุณะวันตา นะราปิ จะ’ ไม่มี ‘ปิยา มะมัง’ เพราะอาจารย์ลืม สวดข้ามไป พอข้ามไปจนเกิดความเคยชิน ก็ข้ามไปเรื่อย ลูกศิษย์ก็สวดตามไปเรื่อย จนปัจจุบันนี้หลายวัดก็ไม่มี ‘ปิยา มะมัง’ ว่าตามไปด้วย ตัวนี้แหละที่เขาเรียกว่าอาจริยวาท ก็คือถือตามคำอาจารย์เป็นใหญ่
ในสมัยสังคายนาพระธรรมวินัยครั้งที่ ๓ คณะสงฆ์แตกออกเป็น ๑๘ นิกาย ๑๘ นิกายที่แตกออกไป ส่วนใหญ่ก็ถืออาจริยวาท ก็คืออาจารย์สอนมาอย่างนั้น ในเมื่ออาจารย์สอนมาแล้วมีส่วนต่างจากคนอื่นเขา ก็ไม่ได้ดูว่าส่วนต่างเข้ากันได้หรือไม่ ต่างก็ยึดของอาจารย์เป็นใหญ่ ไม่เอาของคนอื่น ถึงเวลาถ่ายทอดสืบ ๆ กันต่อไปก็เลยกลายเป็นนิกายใหม่ จึงทำให้คณะสงฆ์ในสมัยนั้นแตกกันวุ่นวายมาก"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-05-2016 เมื่อ 12:29
|