ดูแบบคำตอบเดียว
  #111  
เก่า 19-07-2016, 22:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,319 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "ก่อนหน้านี้บางคนเรียกอาตมาว่า "หลวงพ่อ" ก็ยังรับได้ไม่เต็มปากเต็มคำ ตอนนี้เรียกหลวงพ่อได้เต็มปากเต็มคำแล้ว เพราะว่าเป็นพระอุปัชฌาย์ บวชพระเองแล้ว ตำแหน่งพระอุปัชฌาย์ก็เหมือนกับพ่อผู้ให้กำเนิดพระ เขาก็เลยเรียกว่าหลวงพ่อ ส่วนพระคู่สวดเขาเรียกว่าพระอาจารย์ ท่านเปรียบเหมือนกับเป็นพี่เลี้ยง บางคนบอกว่าเหมือนกับแม่นม

อาตมาเป็นแม่นมมา ๒๐ กว่าปี เพิ่งจะมาเป็นพ่อเอง เพราะว่าตั้งแต่พรรษาที่ ๕ พอออกพรรษา หลวงพ่อวัดท่าซุงก็บอกว่า "ให้แกซ้อมคู่สวดเอาไว้" เพราะว่าวัดท่าซุงบวชหมู่บ่อย บวชหมู่ตั้งแต่รุ่นอาตมา รุ่นนั้น ๓๖ รูป รุ่นถัดไปรุ่นพระครูแสง ๕๒ รูป ถัดไปเป็น ๑๘๐ รูป มีแต่เยอะขึ้นเรื่อย ถ้าคู่สวดน้อยจะไม่พอ ถ้าหลวงพ่อเห็นแววใครและอายุพรรษาได้ ท่านก็ให้ซ้อม ๆ คู่สวดไว้

แต่ตอนที่อยู่วัดท่าซุง อาตมาได้แต่ซ้อมเป็นตัวสำรองอยู่ เพราะตอนนั้นคู่สวด ก็คือ พระครูปลัดอนันต์ พระครูสมุห์พิชิต พระครูสังฆรักษ์สุรจิต พระครูใบฎีกาสมพงษ์ พระปลัดวิรัช พระสมุห์บัญชา
พระใบฎีกาประทีป ท่านรับหน้าที่อยู่ เมื่อเป็นอย่างนั้นอาตมาก็เป็นตัวสำรอง ออกมาจากวัดท่าซุงก็ไม่คิดที่จะเป็นคู่สวดใคร อยู่ป่าอยู่ดงสบายใจดี

ปรากฏว่าพอไปช่วยงานหลวงพ่อวัดท่ามะขาม วันนั้นคู่สวดไม่มา หายไปรูปหนึ่ง บวชพระไม่ได้ หลวงพ่อท่านก็หันมาถาม "อาจารย์เล็ก...สวดได้ไหม ?" "ได้ครับ" "เออ...ถ้าอย่างนั้นก็สวดเลย" สวดเสร็จสรรพเรียบร้อย ท่านชมว่า "คล่องดีนี่ เดี๋ยวไปเอาตราตั้งได้" ท่านเป็นเจ้าคณะจังหวัด ท่านก็ออกตราตั้งพระกรรมวาจานุสาวนาจารย์ให้ เท่ากับว่ามีใบขับขี่ สวดได้ถูกต้องตามกฎหมาย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-07-2016 เมื่อ 03:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา