"เสียดายอยู่อย่างหนึ่งว่า อาตมาผลักดันจนกระทั่งมโนมยิทธิเข้าไปเป็นตำราเรียนของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย ในวิชาธรรมะภาคปฏิบัติ ๗ แต่เขาไม่ยอมให้อาตมาเขียน เขาเอานักวิชาการของเขามาเขียนเอง แล้วก็ออกมาเป็นอะไรก็ไม่รู้ ออกมาไม่ใช่มโนมยิทธิของเรา กลายเป็นวิชาตั้งธาตุ นะมะพะทะ ตามความเข้าใจที่เขาหาข้อมูลได้
อีกอย่างหนึ่งตัวมโนมยิทธิของพวกเรา จุดบอดใหญ่ที่สุด ก็คือ เห็นแล้วเชื่อ แบบนี้ตายทุกคน...! เพราะว่าในสิ่งที่เราเห็นไม่แน่ว่าจะเป็นความจริง แต่เราเห็นจริง ๆ ในเมื่อเราเห็นเราก็เชื่อเพราะเราเห็น ในเมื่อเราเห็นเราเชื่อ คนอื่นบอกก็ไม่ฟัง อาตมาเคยย้ำนักย้ำหนาว่า เห็นเขาไล่ฆ่าไล่ฟันกันมา เราก็แบกมีดแบกปืนไปช่วยเขา จะโดนเขากระทืบตาย เพราะเขาถ่ายหนังกันอยู่..! เราเห็นเขาไล่ฆ่าไล่ฟันกันมาจริงไหม ? ก็จริง แล้วใช่เรื่องจริงไหม ? เขาแค่ปรุงแต่งมาลองใจเราเท่านั้นเอง แล้วเราก็ไปเชื่อหัวทิ่มหัวตำ แล้วก็โดนดึงออกไปนอกลู่นอกทางไปหมด
รู้แล้วแทนที่จะละ เพื่อที่จะสิ้นกิเลสไว ๆ กลับรู้แล้วไปยึด ไอ้คนโน้นเป็นผัวกู ไอ้คนนี้เป็นเมียกู ไอ้คนนี้เป็นอย่างนั้น ไอ้คนนั้นเป็นอย่างนี้ ให้สังเกตดูบ้างสิว่า สิ่งที่เรารู้ไม่ได้รู้เพื่อละกิเลสเลย กลายเป็นรู้เพื่อเพิ่มกิเลสทั้งนั้น แต่ก็ดันไปเชื่อเสียอีก"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-09-2016 เมื่อ 18:35
|