"มากล่าวถึงหลวงปู่สายของเราต่อ หลวงปู่สายท่านเป็นเจ้าอาวาสที่นี่ปี ๒๔๙๗ พอปี ๒๔๙๘ ท่านสร้างโบสถ์เสร็จและได้รับพระราชวิสุงคามสีมา ปี ๒๕๑๑ ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ ๒๕๑๓ เป็นพระครูสัญญาบัตรที่พระครูสุวรรณเสลาภรณ์ แล้วท่านก็เจริญในตำแหน่งหน้าที่การงานมาเรื่อย เป็นผู้ช่วยเจ้าคณะตำบลไทรโยค เป็นเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ
ถ้าท่านทั้งหลายสงสัยว่า ท่านอยู่ทองผาภูมิแล้ว ทำไมไปเป็นผู้ช่วยเจ้าคณะตำบลไทรโยค ? ก็เพราะว่าสมัยโน้นการปกครองคณะสงฆ์ยังไม่ได้ชัดเจนเหมือนสมัยนี้ หลวงพ่อพระเทพเมธากร วัดท่ามะขาม สมัยยังเป็นพระมหาณรงค์ ปริสุทฺโธ ท่านเป็นเจ้าคณะตำบลเกาะสำโรง ตำบลเกาะสำโรงนี่อยู่ในตัวเมือง แต่ตำบลเกาะสำโรงนั้นกินเขตอำเภอเมืองมาถึงไทรโยค ทองผาภูมิ และสังขละบุรี เป็นเจ้าตำบลทีหนึ่งคุมไปค่อนจังหวัดเลย จึงต้องมีผู้ช่วยเจ้าคณะตำบล เท่ากับสมัยนี้เป็นเจ้าคณะอำเภออยู่ ๓-๔ อำเภอ
หลวงปู่สายท่านได้เป็นผู้ช่วยเจ้าคณะตำบลไทรโยค พอแยกออกมาเป็นอำเภอ ก็เป็นเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ แต่ว่าทำหน้าที่เจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิด้วย เจ้าคณะอำเภอสังขละบุรีด้วย เพราะว่าหลวงปู่เพิ่ม วัดวังปะโท่ เจ้าคณะอำเภอสังขละบุรี หรือหลวงปู่พระครูสังขละบุรารักษ์ ท่านบอกว่าท่านไม่เก่งงาน ในเมื่อท่านไม่เก่งงาน หลวงปู่สายก็รับงานทั้ง ๒ อำเภอ พูดง่าย ๆ ว่าทำงานตัวเองด้วย ทำงานของเพื่อนสหธรรมิกด้วย"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-09-2016 เมื่อ 21:18
|