"อย่าลืมว่าท่านเป็นเจ้าอาวาสแล้วนะ ถ้าลักษณะอย่างนั้นท่านก็จะไปสอนลูกศิษย์ผิด ๆ ไปเรื่อย ยิ่งสมัยนี้บรรดาพระต่าง ๆ ถึงเวลาบวชเข้าไปแล้วก็รื่นเริงบันเทิงใจมาก กูจะไปไหนก็สัตตาหะฯ อย่างเดียว ไม่ได้ดูเลยว่าพระพุทธเจ้าอนุญาตไว้หรือเปล่า ก็กลายเป็นว่าตัวเองต้องอาบัติอยู่ทุกวัน
ในส่วนนี้ที่กล่าวไว้ พอดีไปตรงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวัดจึงได้นำมาพูด เป็นที่น่าเสียดายว่าท่านบวชมานานขนาดนั้น ไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร พอโดนดุเข้า รุ่งเช้าก็เลยไม่ฉันเช้า รีบกลับไปเลย อาตมาอาจจะโหดสักหน่อย แต่ถ้านำไปพิจารณาก็คงจะได้ประโยชน์ของตัวเอง ถ้าไม่พิจารณาก็คงไม่ได้อะไรเลย แล้วก็ทำผิดไปอีก ก็เลยฉวยโอกาสอบรมพระในวัดท่าขนุนไปด้วย
ในเมื่อมีตัวอย่างชัด ๆ แล้วก็บอกกับทุกท่านว่า อย่าให้มีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้น ถ้าหากว่าเจ็บไข้ได้ป่วย ก็ขอสัตตาหะฯ ไปอยู่โรงพยาบาล ไม่ใช่ตะกายมาวัดให้อาจารย์จารตะกรุดให้...! การเจ็บไข้ได้ป่วยพระพุทธเจ้าท่านไม่ได้อนุญาตไว้ เพราะท่านอนุญาตแค่ว่าพ่อป่วย แม่ป่วย พระอุปัชฌาย์อาจารย์ป่วย แต่การที่ตัวเองป่วย ถ้าหากว่าไม่รักษา เกิดโรคหนักขึ้นมาถึงแก่ชีวิตได้ พิจารณาแล้วว่าถึงไม่ได้รับอนุญาต เป็นเรื่องไม่สมควร แต่พิจารณาแล้วว่าสมควร ก็ให้ไปโรงพยาบาลโดยการขอสัตตาหะฯ ได้"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-10-2016 เมื่อ 17:19
|