ถาม : หนูกลับบ้านด้วยมอเตอร์ไซค์ อยู่ ๆ ก็ไม่มีแรงค่ะ แต่รถก็ไม่ได้ล้ม แล้วใจก็บอกว่า "นี่มีรถสิบล้อผ่านมา จะมาชน" ในขณะที่กำลังรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็เห็นเป็นภาพเลยค่ะ ก็ถามตัวเองว่า "นี่กลัวไหม ? กลัวตายไหม ?" ใจก็ตอบ ตอบอยู่ในอกค่ะ แต่เหมือนเวลานานมากเลยทั้ง ๆ ที่กำลังจะโดนรถชน ใจทวนไปทุกอย่างว่าเรากลัวอะไร เราห่วงอะไร วนไปหาตัวที่อยากเกาะ ก็คือห่วงพระ ห่วงหลวงพ่อ ห่วงว่าถ้ามีคนมาชนหนูแล้ว จะมีคนมาเก็บวัตถุมงคลของหลวงพ่อไป หนูหวงค่ะ ก็เลยคิดว่าเป็นวัตถุ เขาได้ตรงนั้นไปก็ดี
พอหลุดจากตรงนั้นก็มาเป็นห่วงญาติค่ะ ก็คิดว่า "จะห่วงหาอะไรเขา เดี๋ยวเขาก็มีคนมาดูแล" พอหลุดจากตรงนั้นก็กลายเป็นพ่อแม่ หนูเห็นว่าใจวิ่งไปจับที่แม่โดยเฉพาะ "เราเป็นลูกอกตัญญู เราตายไปแล้ว ใครจะมาดูแลแม่" หนักค่ะ รู้สึกหนักมาก ๆ ค่ะ ถ้าจบตรงนี้ได้ก็ต้องเป็นหนึ่งในคนที่จะได้ไปกับหลวงพ่อ อย่างไรถ้าหนูชิงตายก่อนหลวงพ่อต้องช่วยหนูแน่นอน
ใจคิดตรงนั้นก็สว่าง...ไม่กลัวแล้วค่ะ แล้วสิบล้อก็ใกล้หนูมาก แต่เวลาที่จะมาก็พร้อมทุกอย่างค่ะ เหมือนข้างหน้าไม่ใช่ถนนแล้ว เป็นแก้ว ๆ มีพระใส ๆ หนูก็คิดว่า ถ้าหนูตาย หลวงพ่อต้องมาถีบหนูเข้าไปแน่นอน เป็นเวลาแค่นิดเดียว แต่เหมือนนานมากเลย รู้ว่าเราห่วงหาอาทรค่ะ แต่ดันไม่ตายค่ะ
ตอบ : นั่นคือตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดว่าความคิดของเราเร็วแค่ไหน ชั่วระยะเวลาไม่กี่วินาทีคิดได้เป็นร้อย ๆ เรื่อง และสำคัญที่สุดก็คือ ถ้าเผลอไปเกาะเมื่อไรก็ติดอยู่ตรงนั้นแหละ คนอื่นฟังและจำไว้เป็นอุทาหรณ์ด้วย นั่นคือกำลังใจที่แท้จริงของเรา ถ้าตัดไม่ได้ ละไม่ได้ ตอนนั้นก็ไปตามที่ตัวเองเอาใจไปยึดไปเกาะ ถ้าตัดได้ ละได้ในตอนนั้นก็จะไปตามกำลังใจของตัวเอง
ลักษณะนั้นจริง ๆ แล้วพระหรือเทวดาท่านช่วยสงเคราะห์ เพราะถ้าหากว่าไปต่อ...ตายแน่ เลยต้องดึงให้เรากำลังหมดก่อน เอาเป็นว่าถ้ารู้ว่ายังใช้ไม่ได้ก็ซ้อมไปต่อ
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-12-2016 เมื่อ 11:44
|