ถาม : พระท่านแผ่เมตตาแล้ว แต่ยังเห็นว่ามีพวกมิจฉาทิฐิมาเยอะ หมายความว่าอย่างไรครับ ?
ตอบ : ก็แสดงว่าพระท่านยังไม่เมตตาจริง ถ้าพระท่านเมตตาจริงโลกนี้จะไม่มีศัตรู ไม่ว่าจะมนุษย์หรือสัตว์อยู่ภพในภูมิไหนก็ตาม ก็เห็นเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ทั้งหมด นอกจากไม่เป็นศัตรูกับใครแล้ว ก็ยังไม่ตำหนิใคร เพราะฉะนั้น...จึงไม่มีใครเป็นมิจฉาทิฐิหรือไม่เป็นมิจฉาทิฐิ สำหรับในความรู้สึกของท่านก็คือ เพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย เหมือนกันหมด ยิ่งเป็นมิจฉาทิฐิยิ่งน่าสงสาร ยิ่งต้องสงเคราะห์เขาให้มาก
ไม่อย่างนั้นก็จะกลายเป็นว่า อยู่ในลักษณะของมารดลใจ เขาดลใจให้เราคิดว่า ในเมื่อเราทำสิ่งนี้แล้วถึงเกิดขึ้น เพื่อให้เราเลิกทำความดี
ถาม : ไม่แน่ใจว่าจะเจริญเมตตาดีไหม ?
ตอบ : ก็แปลว่าเขาทำงานได้ผล ส่วนเราก็แพ้ไปตามระเบียบ ให้สังเกตว่าเราตั้งใจที่จะละกิเลสตัวไหน ตัวนั้นจะมาลอง นั่นคือลีลาของเขาเลย เขาจะมาว่าเอ็งแน่แค่ไหน จะละตัวไหนเขาก็ลองด้วยตัวนั้นแหละ
ถาม : ถ้าเป็นพวกกสิณเขาจะมาลองอย่างไร ?
ตอบ : เดี๋ยวก็รู้เอง ถ้าหากเป็นวรรณะกสิณตั้งใจตัดความโกรธ เขาก็มาแหย่ให้โกรธ เพราะอำนาจของวรรณะกสิณข่มความโกรธได้
ถาม : ถ้าเป็นกสิณธาตุ ?
ตอบ : ถ้ากสิณธาตุ ตั้งใจจะเห็นความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ของร่างกาย เขาก็แหย่ให้ป่วยบ้างอะไรบ้าง ส่วนเราก็คิดว่าที่แท้เพราะว่าเรามาปฏิบัติอย่างนี้เราถึงเป็น เราก็จะเลิกปฏิบัติธรรม เขากวนจะตายไป พยายามที่จะดลจิตดลใจให้เราคิดผิด พูดผิด ทำผิดอยู่เสมอ
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-12-2016 เมื่อ 02:53
|