แต่คราวนี้ยังไม่มีใครกล้าสวดเพิกถอนสิกขาบท ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้ จึงจำเป็นอย่างยิ่งว่าในบางส่วนของคณะสงฆ์เรา โดยเฉพาะมหานิกาย เราก็นั่งรับเงินรับทองกันอย่างหน้าตาเฉย คณะสงฆ์ธรรมยุตท่านก็ให้ไวยาวัจกรหรือลูกศิษย์รับแทน แต่ถ้ากล่าวกันโดยในส่วนของศีลแล้ว ก็ผิดทั้งคู่ มหานิกายก็หน้าด้านหน้าทนรับเอง ธรรมยุตท่านหน้าบางหน่อยให้คนอื่นรับแทน แต่ก็โดนอาบัติเท่ากัน ไม่มีใครบริสุทธิ์กว่าใคร กลายเป็นเรื่องที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
เพราะว่าสภาพของสังคมเปลี่ยนไปแล้ว สมัยอาตมายังเด็ก ๆ พระเดินทางขึ้นรถยังฟรีอยู่ เข้าร้านอาหารพระภิกษุสงฆ์ก็ยังฉันฟรี แต่ในปัจจุบันนี้ไม่มีแล้ว ไม่ว่าจะเป็นค่ารถ ค่ายา ค่าอาหาร ค่ารักษาพยาบาลล้วนแล้วแต่ต้องใช้เงินทองทั้งสิ้น แต่เนื่องจากว่าไม่มีใครสวดถอนสิกขาบทนี้ให้ ก็จำทนต้องโดนอาบัติกันไป ถึงเวลาตอนเย็นก็ต้องมา "สัพพา ตา อาปัตติโย อาโรเจมิ" ที่อาตมาก็เห็นว่าเป็นเรื่องที่ทุเรศมากก็คือ ทำแล้วต้องมาแสดงคืนอาบัติ
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-04-2017 เมื่อ 11:48
|