ประวัติและคำสอนของหลวงปู่สิม (หน้า ๑๐)
หลวงปู่ท่านไม่ได้พักในถ้ำอันเป็นที่วิเวกเหมาะกับการปฏิบัติของท่านนานนัก
เนื่องจากท่านพระอาจารย์ลี ธมฺมธโร เจ้าอาวาสวัดอโศการาม จังหวัดสมุทรปราการ
ได้มรณภาพลงในปี พ.ศ. ๒๕๐๔
ท่านต้องไปรับตำแหน่งรักษาการเจ้าอาวาส แต่ท่านเป็นอยู่เพียง ๔ ปีเศษ
ก็ขอลาออกด้วยสุขภาพไม่ดี ต้องไปพักรักษาตัวที่วัดสุทธาวาส จังหวัดสกลนคร
จนถึง ปี พ.ศ. ๒๕๑๐ ท่านจึงวางภาระทั้งหมด และมาจำพรรษาที่ถ้ำผาปล่องเป็นระยะเวลานาน
ในปี พ.ศ. ๒๕๑๖ หลวงปู่เดินทางไปเยี่ยม หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม ที่อำเภอสันกำแพง
หลวงปู่ตื้อได้บอกอำลาว่า ผมจะขอลาท่านกลับไปบ้านเกิด จะเอาสังขารไปทิ้งที่นั่น
คงจะไม่ได้กลับมาเชียงใหม่อีก ผมมีความลับจะบอกท่านอยู่เรื่องหนึ่ง
ผมรักษาเอาไว้ ๓๔ ปีนี่แล้ว เมื่อครั้งหลวงปู่มั่นยังอยู่ที่เชียงใหม่ ก่อนท่านจะกลับไปอุดรธานี
ท่านได้พยากรณ์ไว้ว่า ศิษย์รุ่นต่อไปที่จะมีชื่อเสียงโด่งดังคือท่านสิม กับท่านมหาบัว นี่แหละ
ต่อมาหลวงปู่ตื้อก็ได้เดินทางกลับ บ้านข่า ตำบลท่าบ่อ อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม
บ้านเกิดของท่าน ...
หลวงปู่ท่านมีปฏิปทาชอบอยู่ป่าเขาห่างไกลจากความเจริญอันเป็นที่เหมาะสมสำหรับผู้ปฏิบัติ
แต่ศิษยานุศิษย์ของท่านก็ยังได้อาราธนานิมนต์ท่านไปต่างประเทศหลายแห่ง
เช่น อินเดีย ปีนัง มาเลเซีย อังกฤษ และไปถึงทวีปยุโรป และอเมริกา อีกด้วย
ตลอดชีวิตของท่านได้ประพฤติปฏิบัติตรงต่อความหลุดพ้น ทำงานทั้งทางโลก
เช่น งานพัฒนาชุมชน งานก่อสร้างบูรณะวัดวาอาราม สถานที่สาธารณะต่าง ๆ
และงานทางธรรม ให้การอบรมสั่งสอนการปฏิบัติสมาธิ ภาวนาต่าง ๆ สมบูรณ์ครบถ้วน
จนถึงวันที่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๓๕ หลวงปู่จึงเข้าไปรับพัดยศ
ในสมณศักดิ์ พระญาณสิทธาจารย์ ที่ในพระราชวัง
หลังจากนั้นท่านรีบกลับถ้ำผาปล่องทันที โดยท่านมิได้มีอาการอาพาธแต่อย่างใด
หลวงปู่ได้ละสังขาร เวลาประมาณ ตี ๓ คืนวันที่ ๑๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๓๕
(ทางราชการถือเป็น วันที่ ๑๔)
ด้วยอาการสงบเหมือนท่านนอนหลับไป ท่านจากไปอย่างผู้ที่พร้อมรับต่อความตายทุกขณะ
สมตามที่หลวงปู่ได้พร่ำสอนผู้อื่นอยู่เสมอ ...
หลวงปู่เป็นผู้มีความเด็ดเดี่ยว เข้มแข็ง อดทน พูดจริง ทำจริง ถือสัจจะมั่นคง
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน
ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว...
กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน
อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ
กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑
|