อวิชชาปัจจยา สังขารา อวิชชาคืออะไร ? เวลาพิจารณาเข้าไปแล้ว อวิชชาก็คือนางงามจักรวาล พอเข้าไปถึงจิตดวงนั้นแล้ว จะสง่างามผ่องใสมากทีเดียว น่าอัศจรรย์ นี่เรียกว่านางงามจักรวาล หลอกสติปัญญาที่ยังไม่สามารถจะแก้ตกได้เป็นอย่างดี ทีนี้เวลาพิจารณาแล้วพิจารณาเล่า หลายครั้งหลายหน สิ่งเหล่านี้ก็พังลงไป อวิชชาปัจจยา สังขารา ที่ว่าเป็นนางงามของจิต ทำให้โลกหลงก็พังไปด้วยกัน ทีนี้ก็ไม่มีอะไรงามในโลกนี้ มันก็ว่างไปหมด ภายนอกก็ว่าง
‘รูป เสียง กลิ่น รส เครื่องสัมผัส สัมพันธ์เต็มในโลกนี้.. ว่างจากจิตหมด แม้ที่สุดอารมณ์ภายในจิตที่ทำความผูกพันแก่ตัวเอง เพราะความคิดความปรุงก็ว่างไปหมด วางไปหมด’
ทีนี้บริสุทธิ์ที่ตรงไหนล่ะ เมื่อมันปล่อยไปหมดแล้ว ก็เหลือแต่จิตล้วน ๆ ท่านให้ชื่อว่าจิตบริสุทธิ์ ดังท่านสำเร็จพระอรหันต์นั่น คือปล่อยหมดแล้วสิ่งอันนี้ ว่างหมด ปล่อย วางด้วย.. ว่างด้วย ปล่อยไปหมด แม้ส่วนภายนอกว่าง จิตยังไม่ว่าง พิจารณาเข้ามาหาจิตจนกระทั่งจิตก็ว่าง อะไรก็ว่าง ว่างเสมอกันหมด ทั้งภายนอกภายในตลอดทั่วถึง นั่นละคือจิตที่บริสุทธิ์ ถ้าว่างข้างนอกยังไม่ว่างตัวเองก็ยังไม่บริสุทธิ์ เช่นเดียวกับเราไปอยู่ในห้อง ห้องนี้มันว่าง มันโล่งมันว่าง ห้องนี้ว่าง ใครไปดู ๆ ก็ว่าห้องนี้ว่าง ๆ ยิ่งให้เจ้าของที่เข้าไปยืนอยู่กลางห้องไปพูดว่าห้องนี้เป็นอย่างไร ห้องนี้ว่าง ๆ ถ้าผู้ละเอียดยิ่งกว่านั้นเข้าไปเป็นอย่างไร มันจะว่างอย่างไร เจ้าของไปยืนขวางห้องอยู่นั้นน่ะ ถ้าอยากให้ห้องมันว่างก็ให้ออกมา พอเจ้าของโดดออกมาจากห้อง ห้องก็ว่างเต็มที่
คิดอย่างอื่นอย่างใดก็ปล่อยมา ๆ แต่ติดตัวเองก็เรียกว่าไปยืนขวางห้อง พอถอนตัวเองออกมา ตัวเองก็ถอน ตัวก็รู้ตัวเอง รู้ภายนอก รู้ภายใน ทั้งจิตใจก็รู้เท่าทันไปหมด เรียกว่าว่างหมด ในห้องนั้นไม่มีอะไรอยู่ ในจิตนี้ไม่มีอะไรอยู่ ตัวเขาตัวเรา.. เป็นอัตตานุทิฏฐิ อะไรเหล่านี้ไม่มี ว่างหมด นี่ละที่ท่านสอนพระโมฆราช ทีนี้ใครก็ตามเมื่อปฏิบัติตามโอวาทที่สอนพระโมฆราชนั้น ผู้นั้นก็เป็นพระโมฆราชขึ้นมาในทันทีทันใด สำเร็จเป็นพระอรหันต์ขึ้นมา ก็คือพระโมฆราชอรหันต์เหมือนกันหมด.. เพราะเป็นผู้ว่างเปล่าแล้วจากสิ่งทั้งหลาย ไม่มีอะไรเข้ามาแผ้วพานได้เลย นั่นละ สุญญโต โลกัง พญามัจจุราชจะตามไม่ทัน มองไม่เห็น...”
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-09-2017 เมื่อ 17:39
|