"ปัตตานุโมทนามัย บุญเกิดจากการยินดีในบุญที่คนอื่นทำ เราอยากจะทำแต่ยังไม่มีโอกาสทำ คนอื่นทำก่อนเราก็พลอยยินดีกับเขา สภาพจิตประกอบไปด้วยมุทิตา ความดีก็เกิดขึ้นในจิตในใจของเรา
แต่ว่าส่วนใหญ่แล้วเราตั้งกำลังใจผิด เหตุที่ตั้งกำลังใจผิดเพราะว่าเราตั้งใจไปเอาบุญของเขา ให้ตั้งกำลังใจที่ประกอบมุทิตาว่า ขณะที่เราไม่มีโอกาสทำบุญ คนอื่นเขาได้ทำ ช่างเป็นโชคดีของเขาจริง ๆ หนอ เราก็พลอยยินดีพลอยโมทนาด้วย แต่ในปัจจุบันส่วนใหญ่ปัตตานุโมทนามัยของเรา ก็คือ ยกมือสาธุแฝงความหมายว่า "กูจะเอาของมึง" เป็นการตั้งกำลังใจที่ผิด โอกาสที่จะเป็นปัตตานุโมทนามัยจึงมีน้อยมาก
ธัมมัสสวนมัย บุญเกิดจากการฟังเทศน์ฟังธรรมแล้วนำไปปฏิบัติ ธัมเทสนามัย ปฏิบัติเกิดผลแล้วนำไปสั่งสอนคืนอื่นเขาต่อ ทิฏฐุชุกัมม์ มีความเห็นถูกว่าสิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านสอนนั้นเป็นความดี เราตั้งใจทำตาม
บุญทั้ง ๑๐ อย่างนี้ ในแต่ละวันไม่ว่าอย่างใดอย่างหนึ่งเราต้องมีโอกาสทำอยู่แล้ว เมื่อเป็นเช่นนั้นก็แปลว่า เราสามารถสั่งสมบุญได้ทุกวัน ในบาลีท่านว่า สุโข ปุญญัสสะ อุจจะโย การสั่งสมบุญย่อมนำมาซึ่งความสุข
ความสุขในปัจจุบันก็คือเราเป็นผู้องอาจ แกล้วกล้าด้วยความดี ไปในสังคมไหนก็มีคนยินดีต้อนรับ เพราะเห็นเป็นคนใจบุญสุนทาน อยู่ในศีลกินในธรรม ประโยชน์สุขในอนาคตก็คือ หากกำลังใจเราเกาะบุญ ถ้าเกาะสถานเบา ก็เกิดเป็นเทวดานางฟ้าในกามาวจรสวรรค์ ๖ ชั้น ถ้าเกาะอย่างแนบแน่น ก็สามารถไปเกิดเป็นพรหมได้ตามกำลังใจที่เราเป็นอยู่ ประโยชน์สูงสุดก็คือ ถ้าสามารถปล่อยวางทั้งความดีความชั่วได้ เราก็หลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน
ดังนั้น...ในส่วนของการบุญการกุศลจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรประมาท ต้องเร่งทำเองให้มากไว้ อย่าไปรอคนอื่นเขาทำให้"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-11-2017 เมื่อ 18:04
|