จนกระทั่งปฐมยามพระองค์ท่านก็บรรลุในปุพเพนิวาสานุสสติญาณ คือระลึกชาติได้มากจนประมาณไม่ได้ พระองค์ท่านทรงเห็นชัดเจนว่า ทุกชาติที่เกิดขึ้นมานั้นล้วนแล้วแต่หาความเที่ยงแท้แน่นอนไม่ได้ มีแต่ความทุกข์ ท้ายที่สุดไม่ว่าจะยิ่งใหญ่ขนาดสมเด็จพระเจ้าจักรพรรดิราช หรือว่าเกิดเป็นขอทานก็ตาม ก็ต้องล้มหายตายจาก ไม่อาจยึดถือเป็นตัวเป็นตนได้
พอถึงยามที่สอง พระองค์ท่านก็บรรลุใน จุตูปปาตญาณ คือมีญาณที่รู้เห็นว่า คนและสัตว์นั้นก่อนเกิดนั้นมาจากไหน ตายแล้วจะไปไหนทำให้พระองค์ท่านเล็งเห็นซึ่งภัยในวัฏสงสารที่หาต้นหาปลายสิ้นสุดไม่ได้ ทรงหาทางปลดกำลังใจของพระองค์ท่านออกจากร่างกาย เพราะว่าไม่พึงปรารถนาการเกิดที่มีแต่ความทุกข์ยากเร่าร้อนนี้อีกแล้ว องค์สมเด็จพระประทีปแก้วบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงได้ตรัสรู้อภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ ในยามที่สามของวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๖ คือวันวิสาขบูชาปีนั้นนั่นเอง หลังจากนั้นแล้ว องค์สมเด็จพระประทีปแก้วก็ประกอบด้วยพระมหากรุณา ทรงเสด็จออกสั่งสอนสัตว์โลกด้วยความยากลำบากมาตลอด ๔๕ ปีเต็ม ๆ
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย หยาดฝน : 01-06-2018 เมื่อ 08:36
|