อันดับแรก ก็คือ ถ้ายังไม่สามารถเข้าถึงอภิญญาสมาบัติต่าง ๆ อย่างน้อยกำลังสมาธิที่สูงขึ้น ก็ทำให้เราสามารถข่มกลั้นกิเลสบางส่วนลงได้ ก็แปลว่าการปฏิบัติใน ศีล สมาธิ ปัญญา นั้น จะมากจะน้อย อันดับแรกก็มีผลดีที่เกิดแก่ตัวเราเอง
อันดับต่อไป ถ้าสามารถได้อภิญญาสมาบัติต่าง ๆ ก็จะเป็นที่พึ่งให้แก่คนอื่นได้ กลายเป็นบุคคลที่ยืนยันความรู้ในพระพุทธศาสนาได้ และถ้าจำเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมีพระบรมพุทธานุญาต ก็สามารถใช้อำนาจของอภิญญาสมาบัติในการกดข่ม หรือปราบปรามผู้ที่รุกรานพระพุทธศาสนาได้
ดังนั้น...ท่านทั้งหลายจึงทิ้งการปฏิบัติไม่ได้ และยังต้องปฏิบัติให้เข้มข้นยิ่ง ๆ ขึ้นไป เพราะว่าการรุกรานพระพุทธศาสนาจะยิ่งหนักข้อขึ้นไปเรื่อย ๆ เพราะว่ามีการวางแผนกันอย่างต่อเนื่องเป็นระบบ ที่จะทำให้พระพุทธศาสนาตั้งอยู่ไม่ได้ในประเทศนี้
อย่าลืมว่าองค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงฝากฝังภารธุระในพระพุทธศาสนา แก่บริษัททั้ง ๔ คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ท่านทั้งหลายที่เป็นอุบาสก อุบาสิกา ปฏิญาณตนนับถือพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งที่ระลึก จึงจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องศึกษาเล่าเรียนจนสามารถจะยังพระพุทธศาสนานี้ให้เจริญรุ่งเรืองสืบไปจนครบ ๕,๐๐๐ ปี
ลำดับต่อไปให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันศุกร์ที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๖๑
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทาริกา)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-06-2018 เมื่อ 17:18
|